#Toyota #ยานยนต์ #รถยนต์

Toyota ชิ้นส่วนขาดรุนแรง ประกาศลดกำลังการผลิตสิงหานี้หาย 20%

อัปเดตล่าสุด 29 ก.ค. 2565
  • Share :
  • 1,695 Reads   

วิกฤตชิปขาดตลาดและชิ้นส่วนขาดแคลนยังเป็นประเด็นใหญ่ของอุตสาหกรรมยานยนต์ปีนี้ ล่าสุด Toyota ประกาศลดกำลังการผลิตทั่วโลกในเดือนสิงหาคมลง 150,000 คัน คิดเป็นสัดส่วน 20% 

เมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมานี้ สื่อญี่ปุ่นรายงานความเคลื่อนไหวของโตโยต้าซึ่งได้ประกาศเลื่อนการปรับราคาชิ้นส่วนของซัพพลายเออร์ออกไป พร้อมกับตัดสินใจลดกำลังการผลิตทั่วโลกในเดือนสิงหาคม เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์การจัดหาชิ้นส่วนที่ไม่เป็นไปตามแผน จากปัญหาวิกฤตชิปขาดตลาดที่รุนแรง ราคาวัตถุดิบและพลังงานที่พุ่งสูง 

Advertisement

นาย Kazunari Kumakura ประธานฝ่ายจัดซื้อ เปิดเผยกับสื่อว่า ที่ผ่านมาโตโยต้าจะมีการปรับราคาการจัดหาชิ้นส่วนทุกครึ่งปี ซึ่งในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้พบว่าสถานการณ์ในการผลิตมีความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก และคาดว่าจะดีขึ้นในไตรมาสที่ 3 จึงทำการยื่นเรี่องปรับราคาไปยังซัพพลายเออร์ 

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันกระทบซัพพลายเออร์ Tier 2 และ Tier 3 เป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาด้านต้นทุนอย่างรุนแรง ทำให้โตโยต้าจำเป็นต้องปรับแผนใหม่จากตัวเลขคาดการณ์ของบริษัทในเดือนสิงหาคมที่กำลังจะมาถึงนี้ กำลังการผลิตยานยนต์ของโตโยต้าจะลดลงราว 20% ซึ่งเป็นผลจากความไม่มั่นคงในหลายด้าน ส่งผลให้บริษัทจำเป็นต้องเลื่อนกำหนดการปรับราคาชิ้นส่วนออกไป และอยู๋ระหว่างพิจารณาเงินช่วยเหลือค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้ซัพพลายเออร์ 

ตามกำหนดการเดิมนั้น โตโยต้ามีแผนปรับราคาชิ้นส่วนของซัพพลายเออร์ในช่วงเดือนตุลาคม 2022 - มีนาคม 2023 

สำหรับกำลังการผลิตของโตโยต้าในเดือนสิงหาคมนี้ เดิมทีมีแผนผลิตยานยนต์รวม 700,000 คัน จะปรับลดลงราว 20% รายละเอียดดังนี้

  • กำลังการผลิตในประเทศญี่ปุ่น 200,000 คัน ลดลง 50,000 คัน 
  • กำลังการผลิตนอกประเทศญี่ปุ่น 500,000 คัน ลดลง 100,000 คัน 

เว็บไซต์โตโยต้ายังระบุด้วยว่า อาจจำเป็นต้องมีการปรับตัวเลขอีก เนื่องจากสถานการณ์โควิดและชิปขาดตลาดทำให้การคาดการณ์เป็นไปอย่างยากลำบาก

 

#Toyota #โตโยต้า #ลดกำลังการผลิต #ชิปขาดตลาด #ชิ้นส่วนขาดแคลน ##อุตสาหกรรมยานยนต์ #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH