Nissan ปรับกลยุทธ์ ไทยรับอานิสงส์ ฐานการผลิตแห่งเดียวในอาเซียน
นิสสัน มอเตอร์ (Nissan Motor) เผย Nissan NEXT transformation plan แผนยุทธศาสตร์ 4 ปี (FY 2020-2023) มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน มั่นคง และผลกำไร ภายในสิ้นปีงบประมาณ 2023 หรือวันที่ 31 มีนาคม 2024 ซึ่งให้ความสำคัญกับแผนธุรกิจที่มีความยืดหยุ่น ปรับเปลี่ยนได้ มุ่งเน้นการลดต้นทุน และเสริมประสิทธิภาพ ต่างจากแนวทางที่แล้วมาซึ่งให้ความสำคัญกับการขยายตัวของธุรกิจที่คาดการณ์ไว้เกินจริง
แนวทางหลักสำหรับแผนธุรกิจนี้ จะเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย ด้วยการลดจำนวนรุ่นยานยนต์พร้อมปรับลดกำลังผลิตทั่วโลกลงจากเดิม 20% ซึ่งจะมีการปิดโรงงานในสองประเทศ คือ สเปนและอินโดนีเซีย โดยกำลังการผลิตในอินโดนีเซียจะย้ายมาใช้ประเทศไทยเป็นฐานผลิตหลักแห่งเดียวในอาเซียน สำหรับด้านการขายและการตลาดนั้น จะเน้นการสร้างยอดขายในตลาดหลัก คือ ญี่ปุ่น จีน และอเมริกาเหนือ และผลิตภัณฑ์หลัก 4 กลุ่ม คือ C-Segment, D-Segment, รถยนต์ไฟฟ้า, และรถสปอร์ต นอกจากนี้ ยังได้ประกาศเป้าหมายที่ท้าทาย ด้วยการสร้างยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า 1 ล้านคันเมื่อสิ้นสุดแผนยุทธศาสตร์ในปี 2023
โดยในแผนยุทธศาสตร์ 4 ปีนี้ Nissan ตัดสินใจยุติการผลิตในกลุ่มธุรกิจที่ไม่ทำกำไร ควบคู่กับการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ เน้นลงทุนในเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles: EV) และยานยนต์อัตโนมัติ ซึ่งบริษัทคาดการณ์ว่า ด้วยหลังจากปรับกลยุทธ์แล้ว บริษัทจะทำกำไรจากการดำเนินงานได้มากขึ้น 5% ต่อปี และมีส่วนแบ่งในตลาดโลกเพิ่มขึ้นไปอยู่ที่ 6% ภายในปีงบประมาณ 2023
“เราจะให้ความสำคัญกับ แผนยุทธศาสตร์และคุณภาพของธุรกิจ มากกว่า การเติบโตของยอดขาย เพื่อให้ Nissan กลับมาเติบโตอย่างมั่นคงอีกครั้ง”
Mr. Makoto Uchida CEO Nissan (Photo: Nissan Motor Corporation)
Mr. Makoto Uchida CEO บริษัท Nissan แสดงความเห็นว่า ทางบริษัทจะเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันด้วยการพัฒนาองค์กร และทำกำไรต่อคันให้เพิ่มมากขึ้น โดยแผนธุรกิจระหว่างปีงบประมาณ 2020 - 2023 ของบริษัท มีใจความหลัก 2 ส่วน ดังนี้
1. เพิ่มประสิทธิภาพ ลดค่าใช้จ่าย
Nissan ประกาศลดกำลังผลิตยานยนต์ทั่วโลกเหลือปีละ 5.4 ล้านคัน ลดลงจากเดิม 20% เพื่อให้สอดคล้องกับสถานการณ์ของบริษัทมากยิ่งขึ้น ลดจำนวนรุ่นยานยนต์จาก 69 รุ่น เหลือ 55 รุ่น และใช้พื้นที่โรงงานเดิมให้มากกว่า 80% ปิดโรงงานบาเซโลนา ประเทศสเปน และฐานการผลิตทั้งหมดในอินโดนีเซีย พร้อมใช้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตป้อนอาเซียนแทน ซึ่งคาดการณ์ว่า จะช่วยลดต้นทุนให้กับบริษัทได้ 3 แสนล้านเยน หรือราว 2,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Photo: Nissan Motor Corporation
2. .ให้ความสำคัญกับตลาดหลัก และผลิตภัณฑ์หลักมากขึ้น
Nissan จะให้ความสำคัญกับการผลิตในประเทศที่เป็นตลาดหลัก ประกอบด้วยญี่ปุ่น จีน และอเมริกาเหนือ ในขณะที่จะรักษาระดับของธุรกิจในอเมริกาใต้ อาเซียน และยุโรป ซึ่งเป็นตลาดรอง ด้วยการหาพาร์ทเนอร์ที่เหมาะสม พร้อมถอนตัวออกจากตลาดเกาหลีใต้ และลดการผลิตในรัสเซียลงจากเดิม
ส่วนในตลาดโลก ทางบริษัทจะเน้นไปที่ยานยนต์ C-Segment, D-Segment, รถยนต์ไฟฟ้า, และรถสปอร์ต โดยมีแผนเปิดตัวยานยนต์โมเดลใหม่รวมทั้งหมด 12 รุ่นภายในปี 2021 และมีแผนเปิดตัวโมเดลใหม่เพิ่มเติมทุกปี โดยเน้นไปที่รถยนต์ไฟฟ้าเป็นหลัก เพิ่มอัตราส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า และ Connected Car ซึ่งวางอัตราส่วนการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในญี่ปุ่น จีน และยุโรปไว้ที่ 60%, 23%, และ 50% ตามลำดับ ทางบริษัทคาดการณ์ว่าจะสามารถขายรถยนต์ไฟฟ้าได้รวม 1 ล้านคัน ภายในปีงบประมาณ 2023
Photo: Nissan Motor Corporation