Foxconn คาด ซัพพลายเชนโลกจะดีขึ้นในครึ่งหลังปี 2022 นี้

อัปเดตล่าสุด 6 มิ.ย. 2565

ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) คาดครึ่งหลังปี 2022 สถานการณ์ซัพพลายเชนโลกจะมั่นคงขึ้น ประกาศกร้าวขอเป็นผู้ผลิตรถอีวีรายแรกที่ “ไม่ขาดแคลนชิ้นส่วน”

รู้จักกับ Foxconn เพิ่มเติม ในฐานะหุ้นส่วนคนสำคัญในการปลุกปั้นธุรกิจยานยนต์ไฟฟ้าของกลุ่ม ปตท.

Advertisement

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม 2022 สื่อหลายสำนักรายงานว่า ฟ็อกซ์คอนน์ (Foxconn) ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์รายใหญ่และซัพพลายเออร์หลักของแอปเปิล คาดการณ์ว่าสถานการณ์ซัพพลายเชนโลกจะมีความมั่นคงยิ่งขึ้นในช่วงครึ่งหลังของปีนี้

นาย Liu Young-way ประธานบริษัทฟ็อกซ์คอนน์ แสดงความเห็นภายในการประชุมผู้ถือหุ้นว่า บริษัทมีความมั่นใจในสถานการณ์ซัพพลายเชนช่วงครึ่งหลังของปี 2022 เป็นอย่างยิ่ง และจะเป็นผู้ผลิตรถอีวีรายแรกที่ “ไม่ขาดแคลนชิ้นส่วน” เนื่องจากเล็งเห็นว่า การที่รถยนต์ราคาหลายร้อยถึงหลายพันดอลลาร์สหรัฐไม่สามารถจัดส่งได้เพียงเพราะขาดแคลนชิปที่มีราคา 50 เซนต์ หรือราว 0.002 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นสิ่งที่ลูกค้าจำนวนมากไม่ควรต้องถูกผลกระทบ

สาเหตุที่บริษัทคาดการณ์เช่นนี้ มาจากการที่รัฐบาลจีนคลายมาตรการล็อกดาวน์ในวันที่ 1 มิถุนายน และตลอดช่วงการล็อกดาวน์ทำให้ความต้องการคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน และสินค้าอิเล็กทรอนิกส์อื่น ๆ หยุดชะงัก

ซึ่งทางบริษัทมีแผนขยายกำลังการผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์เพื่อแก้ปัญหา อย่างเช่นการเผยแผนสร้างฐานการผลิตในมาเลเซียช่วงกลางเดือนที่ผ่านมา ไปจนถึงการเพิ่มงบประมาณการลงทุนด้านชิปเซมิคอนดักเตอร์สำหรับยานยนต์อีกด้วย

โดยทางบริษัทจะเริ่มการผลิตชิป silicon carbide (SiC) สำหรับยานยนต์ในปี 2023 และ Microcontroller units (MCU) และ SiC power modules สำหรับ optical phased array (OPA) LiDAR ในปี 2024 และลงทุนพัฒนาชิ้นส่วน Power components สำหรับยานยนต์ โดยตั้งเป้าผลิตจำนวนมากภายในปี 2024 เช่นเดียวกัน
สำหรับในส่วนของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ฟ็อกซ์คอนน์ได้เปิดเผยข้อมูลว่าในช่วงปี 2021-2022 บริษัทได้มีการลงทุนรวมเป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หรือราว 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนธุรกิจจากที่เคยตั้งเป้าไว้แต่อย่างใด

สำหรับในส่วนของธุรกิจรถยนต์ไฟฟ้า ทางบริษัทได้เปิดเผยข้อมูลว่า ในช่วงปี 2021 - 2022 ทางบริษัทได้มีการลงทุนรวมเป็นเงิน 1.5 หมื่นล้านดอลลาร์ไต้หวันใหม่ หรือราว 5 ร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐ และยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงแผนธุรกิจจากที่เคยตั้งเป้าไว้แต่อย่างใด