โพลีเทคฯ ลุยผลิตหัวชาร์จรถอีวีตั้งเป้า 160 แห่งปี 61

อัปเดตล่าสุด 4 มิ.ย. 2561
  • Share :
  • 744 Reads   

โพลีเทคฯ เตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ปี 62 ลุ้นเอเอ็มพีฯ-เงินทุนหยวนต้า ใครวินคว้าที่ปรึกษา ล่าสุดคุย ปตท.-อีฟาเซค ลงทุนสร้างโรงงานผลิตหัวชาร์จไฟฟ้าบนพื้นที่ EEC เชื่อมั่นตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโตเร็ว พร้อมขยายในตลาดอาเซียน คาดยอดหัวชาร์จไฟฟ้าทะลุ 160 แห่ง

นายณรัตน์ไชย หลีระพันธ์ ประธาน บริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด ผู้รับติดตั้งระบบชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ เปิดเผย “ประชาชาติธุรกิจ” ว่า ขณะนี้กำลังเตรียมความพร้อมที่จะนำบริษัทโพลีเทคฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ให้ได้ในช่วงต้นปี 62 ล่าสุดอยู่ระหว่างคัดเลือกบริษัทที่ปรึกษารวม 2 ราย คือ 1) บริษัท เอเอ็มพีคอนซัลแตนท์ จำกัด และ 2) บริษัท เงินทุนหยวนต้า จากไต้หวัน คาดว่าจะสามารถคัดเลือกที่ปรึกษาได้แล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย. 61 นี้ และจะดำเนินการยื่นแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวน (ไฟลิ่ง) ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ในช่วงปลายปี 62 นี้

ทั้งนี้ การระดมทุนดังกล่าวเพื่อนำเงินมาลงทุนในธุรกิจต่าง ๆ เช่น การลงทุนสร้างโรงงานผลิตหัวชาร์จไฟฟ้าสำหรับยานยนต์ไฟฟ้าในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC (Eastern Economic Corridor) ร่วมกับพันธมิตรที่สนใจและอยู่ในระหว่างการเจรจา เช่น บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และบริษัท อีฟาเซค จำกัด (Efacec) ผู้ผลิตหัวชาร์จไฟฟ้าจากประเทศโปรตุเกส สำหรับรองรับการขยายตัวของยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ และยังมีแผนขยายตลาดในอาเซียนเพิ่มเติมด้วย

สำหรับตลาดในประเทศวางเป้าหมายว่าภายในปี 2561 นี้ จะสามารถติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าได้ 160 แห่งนั้น อาจจะต้องปรับเป้าหมายใหม่ เนื่องจากเมื่อเร็ว ๆ นี้ได้ลงนามข้อตกลงเบื้องต้น (MOU) กับตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ในประเทศเพื่อติดตั้งหัวชาร์จไฟฟ้าให้กับลูกค้าของปอร์เช่ทั้งหมด ฉะนั้นคาดว่าในปีนี้ การติดตั้งหัวชาร์จจะมากกว่าเป้าหมายที่วางไว้แน่นอน รวมถึงยังมีแผนที่จะนำหัวชาร์จประเภท super fast charge ที่ใช้เวลาประมาณ 10-15 นาที ที่เหมาะกับรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (battery electric vehicle หรือ BEV) และรถบัสไฟฟ้า (EBUS) ทั้งในประเทศ และเตรียมที่จะทำตลาดสำหรับ super fast charge ในประเทศสิงคโปร์ และประเทศอื่น ๆ ในอาเซียนตามมาอีกด้วย

“กระแสของรถไฟฟ้าจะขยายตัวมากขึ้น ทำให้ระบบหัวชาร์จไฟฟ้าขยายตัวตามไปด้วย ซึ่งเดิมทีเราแค่นำเข้าเทคโนโลยีหัวชาร์จจากอีฟาเซคเท่านั้น แต่เมื่อความต้องการมากขึ้น ก็เห็นโอกาสที่จะเข้ามาลงทุนก่อสร้างโรงงานผลิต ซึ่งเร็ว ๆ นี้จะเดินทางไปประเทศโปรตุเกสเพื่อเจรจาธุรกิจกับอีฟาเซคอย่างเป็นทางการ”

ทั้งนี้ แนวโน้มความต้องการใช้ไฟฟ้าปรับสูงขึ้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องจำเป็นต้องวางแผนรองรับ อีกทั้งในปัจจุบันโซลาร์รูฟท็อปขยายตัวมากขึ้น ทั้งในกลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมและบ้านเรือนทั่วไป เนื่องจากราคาแผงโซลาร์เซลล์ลดลงมาก และมีการพัฒนาแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (energy storage system) เข้ามาใช้ควบคู่กันกรณีที่ผลิตไฟฟ้าช่วงกลางวัน แต่ไม่มีการใช้งานก็สามารถเก็บพลังงานไว้ใช้ช่วงกลางคืนได้ ซึ่งขณะนี้ราคาแบตเตอรี่ในตลาดโลกลดลงมาอยู่ที่ไม่เกิน 100 เหรียญสหรัฐ/กิโลวัตต์ และเชื่อว่าราคาจะลดลงได้อีกจากการวิจัยและพัฒนา

รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า บริษัท โพลีเทคโนโลยี จำกัด ได้ติดตั้งหัวชาร์จสำหรับรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้ว 59 แห่ง โดยมีพันธมิตรทางธุรกิจคือ บริษัท อีฟาเซค ในฐานะผู้ผลิตหัวชาร์จไฟฟ้า และบริษัท กรีนลอต ที่เชี่ยวชาญระบบ ซึ่งลูกค้าหลัก ๆ ในขณะนี้คือ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กลุ่มบริษัทเซ็นทรัล กรุ๊ป จำกัด ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ปอร์เช่ วอลโว่ และบริษัท บีเอ็มดับเบิลยู กรุ๊ป ประเทศไทย ก่อนหน้านี้ บริษัท โพลีเทคฯ ทำธุรกิจมาหลากหลายประเภท เช่น วางท่อก๊าซธรรมชาติ รวมถึงยังมีธุรกิจด้านพลังงานทดแทนอย่างโรงไฟฟ้าขยะอีกด้วย