ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เบนเข็ม เมื่อยอดขายของ iPhone X ลดลง

อัปเดตล่าสุด 3 พ.ค. 2561
  • Share :
  • 534 Reads   

ขณะนี้ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ก็เหมือนยืนอยู่ตรงทางแยก ด้วยยอดขายของ iPhone X สมาร์ทโฟนของ Apple กำลังชะลอตัวลง ด้วยสาเหตุจากฟังค์ชั่นใหม่ ๆ ของตัวเครื่องที่ไม่ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ส่งผลให้การเติบโตของตลาดล่าช้าลงมา ทางผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จึงเบนเข็มไปยังอุตสาหกรรมยานยนต์ อย่างไรก็ตาม นั่นก็เป็นเรื่องที่ยังต้องใช้เวลาอีกมาก จึงเป็นที่น่าสนใจว่า บรรดาผู้ผลิตซึ่งเติบโตอย่างรวดเร็วจากการทำกำไรโดยอาศัยสมาร์ทโฟนนั้น จะมีท่าทีเช่นไรในปีงบประมาณ 2018 นี้

การชะลอตัวของมือถือตัวท็อป จากยอดผลิตที่ลดลง

Apple ได้ประกาศยอดขายในไตรมาสแรกปี 2018 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม (1 พฤษภาคม ตามเวลาท้องถิ่น ประเทศสหรัฐฯ) พบว่ามีมูลค่าอยู่ที่ 61,100 ล้านดอลลาร์ สูงขึ้นจากปีก่อน 16% ซึ่ง CEO Tim Cook กล่าวว่าเป็นยอดขายที่ดี อย่างไรก็ตามทางกลุ่มซัพพลายเออร์ระบุว่ามีการตกลงมาของยอดผลิตในช่วงปลายปีที่แล้ว และยอดในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ก็เป็นสัญญาณเตือนถึงความเป็นไปได้ในการลดลงของยอดขาย

นอกจากนี้ ยังมีความเห็นว่า จอภาพแบบ OLED ของ iPhone X นั้น ส่งผลให้ตัวเครื่องมีราคาสูงเกินไป ทำให้เกิดการพิจารณาเกี่ยวกับโมเดลรุ่นหลังจากนี้ว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงหรือไม่ รวมถึงความเห็นจากทางนักวิเคราะห์ ซึ่งได้แสดงความเห็นต่อสมาร์ทโฟนรุ่นนี้ว่า การเพิ่มฟังค์ชั่นใหม่เข้าไปในตัวเครื่องนั้นกำลังจะมาถึงทางตัน

การชะลอตัวของยอดขายโมเดลตัวท็อปของ Apple อาจจะส่งผลให้ความต้องการที่ Apple มีต่อซัพพลายเออร์เดิมลดลงได้ ซึ่ง Mr. Yoichiro Kega กรรมการผู้จัดการบริษัท Alps Electric ได้วิเคราะห์ในกรณีนี้ว่า “การชะลอตัวของยอดขายในปี 2018 นี้ไม่ได้เกิดขึ้นในส่วนของยอดขายเท่านั้น แต่ยังรวมถึงท่าทีที่ผู้ผลิตมีแต่สมาร์ทโฟนโมเดลตัวท็อปนี้ด้วย ซึ่งก็ยิ่งเป็นสัญญาณของการชะลอตัวที่ชัดเจน” ส่วนทางด้าน Mr. Shigenao Ishiguro ประธานบริษัท TDK บริษัทซึ่งโดดเด่นด้านการผลิตแบตเตอรี่สำรองแบบลิเธียมไอออนสำหรับสมาร์ทโฟนได้ให้ความเห็นว่า “การจะทำกำไรเพิ่มในปีงบประมาณ 2018 นี้ก็เหมือนกำลังมาถึงทางแยก อย่างไรก็ตาม แค่พัฒนาให้สมาร์ทโฟนมีประสิทธิภาพสูงขึ้นเพียงอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ”

อาจเกิดสงครามราคา

หากโมเดลดังกล่าวยังไม่มีการพัฒนาต่อ สิ่งที่จะเกิดขึ้นตามมาคือทิศทางของผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะเปลี่ยนจากการสร้างมูลค่าเพิ่มด้วยการพัฒนาประสิทธิภาพและเทคโนโลยี ไปสู่การแข่งขันด้านราคาแทน สิ่งที่น่าจับตามองก็คือความเคลื่อนไหวของโมเดลใหม่ในปี 2018 ซึ่งมีรายงานว่า iPhone X ที่ใช้จอ OLED จะมีการเพิ่มอัตราส่วนการผลิตรุ่นที่ใช้จอ LCD ออกมามากขึ้น ผู้ผลิตชิ้นส่วนจอ OLED รายหนึ่งได้ให้ความเห็นว่า “เหมือนโดนดึงไปร่วมผลิตงานทดลองที่บอกว่าเป็นโมเดลตัวท็อปเลยทีเดียว”

นอกจากนี้ ท่าทีของผู้ผลิตรายอื่น ๆ ก็เป็นที่น่าจับตามอง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง OPPO และ Huawei ซึ่งเน้นการพัฒนาโมเดลใหม่ด้วยจอ LCD โดยไม่เอนเอียงไปกับกระแสจอ OLED และความต้องการของผู้ใช้มากนัก ซึ่ง Mr. Yoshihisa kainuma ประธานและกรรมการผู้จัดการบริษัท MinebeaMitsumi ผู้ผลิต Backlight ได้กล่าวแสดงความเห็นว่า “ยังไม่แน่ชัดนักว่ากระแสจอ OLED จะไปในทิศทางใดต่อ” และตัดสินใจที่จะหยุดการดำเนินการเปลี่ยนผ่านสู่การผลิตจอ OLED เอาไว้

แนวทางพัฒนาที่ไม่แน่นอน

นอกจากประเด็นข้างต้นแล้ว ยังมีปัจจัยอื่น คือเทคโนโลยี VR และ AR ซึ่งถูกคาดหวังว่าจะกลายเป็นฟังค์ชั่นใหม่ของสมาร์ทโฟนในอนาคต ซึ่งปัจจุบัน Apple อยู่ระหว่างการหาแนวทางการนำเทคโนโลยีในด้านนี้มาใช้ใน iPhone อยู่ อย่างไรก็ตาม Mr. Toshihiro Kuriyama ประธานบริษัท Alps Electric ซึ่งมีประสบการณ์ในด้านเซ็นเซอร์ของ VR และ AR กล่าวว่า “การดึงดูดผู้ผลิตซอฟต์แวร์ให้ผลิตคอนเทนท์หรือแอพลิเคชั่นสำหรับ VR และ AR นั้นยากกว่าการดึงดูดผู้ผลิตชิ้นส่วนกล้องมาก” ซึ่งก็เป็นที่น่าสนใจว่า ฟังค์ชั่นใหม่จะกลายเป็นที่แพร่หลายอย่างไร

อีกทั้งยังมีประเด็นว่า iPhone X นั้นมีเทคโนโลยีที่เป็นนวัตฒกรรมใหม่น้อย คล้ายกับไม่รู้ว่าควรพัฒนาไปในแนวทางไหน ทำให้ปี 2018 นี้ เป็นปีที่ต้องจับตามองว่า Apple จะตัดสินใจกระตุ้นความสนใจให้กลุ่มลูกค้า หรือจะรักษาความสัมพันธ์กับซัพพลายเออร์เอาไว้

 

สู่อุตสาหกรรมยานยนต์ เล็งเป้าที่ CASE

ในอีกด้านหนึ่ง หลังพิจารณาถึงการชะลอตัวของตลาดสมาร์ทโฟนแล้วผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางส่วนได้ตัดสินใจเบนเข็มไปยังอุตสาหกรรมยานยนต์แทน ซึ่งได้เล็งไปที่แนวคิด CASE (Connectivity Autonomous Shared Electronic) เป็นที่แน่นอนว่าการเข้าสู่อุตสาหกรรมอื่นเช่นนี้ย่อมมีการแข่งขันสูง อย่างไรก็ตาม ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งกำลังจะเป็นผู้เข้าสู่อุตสาหกรรมรายใหม่ก็มีเทคโนโลยีที่ใช้งานจริงได้อยู่มาก ทั้งยังมองว่าการติดตั้งอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ให้กับรถยนต์ รวมถึงเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้านั้น ก็ไม่ต่างไปจาก “สมาร์ทโฟนติดล้อ” สักเท่าไร จึงมีความเป็นไปได้ว่า เทคโนโลยีการสื่อสาร และการออกแบบ อันเป็นจุดแข็งของสมาร์ทโฟน จะถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และจุดแข็งอีกจุด คือความสามารถในการวาง Roadmap เพื่อลดขนาดชิ้นส่วนซึ่งทำได้โดยง่าย จึงคาดการณ์ได้ว่า ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์จะมีบทบาทสำคัญต่อแนวคิด CASE ได้ในอนาคต

การขยายตัวของอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์

Nidec มีแนวทางการขยายธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์อย่างชัดเจน เห็นได้จากแผนลงทุนในระยะ 3 ปีต่อจากนี้ ที่คาดการณ์ว่าเงินลงทุน 2 แสนล้านเยน จากทั้งหมด 5 แสนล้านเยน จะถูกใช้ไปกับธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ รวมถึงกำหนดการเริ่มผลิต “Traction Motor” ระบบขับเคลื่อนรถยนต์ไฟฟ้าที่ประเทศจีนในปี 2019 ซึ่งมีนโยบายด้านรถยนต์ไฟฟ้า ที่ผลักดันให้ Nidec ตัดสินใจลงทุนเข้าสู่ตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในจีนอย่างเต็มรูปแบบ และตั้งเป้าก้าวขึ้นเป็นผู้นำด้านมอเตอร์รถยนต์ไฟฟ้าในระดับโลก ซึ่ง CEO Shigenobu Nagamori ให้กล่าวว่า ในปัจจุบันนี้ ยอดออเดอร์ของอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์ในบริษัทเองก็สูงขึ้น รวมไปถึงผลกำไรที่ได้ด้วย

เล็ง 2 อุตสาหกรรม

ในช่วงที่ยอดผลิตสมาร์ทโฟนชะลอตัวลงนี้เอง ที่ Murata Manufacturing ได้เพิ่มปริมาณการลงทุน เสริมกำลังผลิตให้สูงขึ้นทั้งในธุรกิจสมาร์ทโฟนและยานยนต์ไปด้วยกัน และเสริมกำลังผลิต  Multi-Layer Ceramic Capacitor (MLCC) อีกด้วย ซึ่งเป็นผลมาจากความต้องการ MLCC ที่ขยายตัวตามเทรนด์รถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งแม้จะยังเป็นเรื่องในอนาคต จึงจะมียอดออเดอร์จำนวนมาก แต่ประธาน Tsuneo Murata กล่าวว่าความต้องการนำไปใช้กับระบบ ADAS ก็มีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วแม้กระทั่งในปัจจุบันนี้ ซึ่ง Kyocera, TDK, และ Rohm เอง ก็ได้มีการขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ของตนเช่นกัน จึงคาดการณ์ได้ว่ายอดขายรวมของอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์จะสูงขึ้นในอนาคต

ส่วนทางด้าน Alpine Electronics บริษัทลูกของ Alps Electric ซึ่งมีประสบการณ์ทางด้านระบบนำทางในรถยนต์นั้น ได้วางแผนรวมธุรกิจในปี 2019 ซึ่งจะนำไปสู่ธุรกิจห้องขับรถยนต์ เช่นระบบเซนเซอร์และซอฟต์แวร์ เพื่อการแสดงผลภายในรถให้กับผู้ขับและผู้โดยสาร

ต้องใช้เวลา

อย่างไรก็ตาม หลายบริษัทเล็งเห็นว่าการเข้าสู่ตลาดใหม่นี้จะทำรายได้อย่างเร็วก็หลังปีงบประมาณ 2019 หรือ 2020 เป็นต้นไป เนื่องจากแม้อุตสาหกรรมยานยนต์จะมีความมั่นคง แต่ก็จำเป็นต้องใช้เวลาในการเข้าไปยืนอยู่ในตลาด และหากตลาดสมาร์ทโฟนมีมูลค่าลดลงอย่างกะทันกันแล้ว ก็อาจเกิดภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ก่อนที่ธุรกิจด้านอิเล็กทรอนิกส์ยานยนต์จะเป็นรูปเป็นร่างก็เป็นได้

ในปีงบประมาณ 2018 นี้ จึงกลายเป็นปีที่สำคัญของผู้ผลิตหลายราย ว่าจะผันตนจากธุรกิจสมาร์ทโฟนไปยังยานยนต์หรือไม่ จะลงทุนอย่างไร และพัฒนาต่อไปในทางใด

 

อ่านต่อ

iPhone X และทิศทางที่ผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้องจับตามอง

Huawei สมาร์ทโฟนที่มาพร้อม AI processor