Infiniti ชาร์จกำลังเตรียมโจมตี BMW และ Audi

อัปเดตล่าสุด 4 เม.ย. 2561
  • Share :

อินฟินิที (Infiniti, インフィニティ) เป็นรถยนต์นั่งหรู ซึ่งเป็นหนึ่งในแบรนด์รถยนต์คุณภาพจากนิสสัน เพื่อเจาะตลาดรถยนต์หรูสำหรับอเมริกาโดยเฉพาะ ก่อตั้งขึ้นในปี 1989 หลังจากที่ตลาดญี่ปุ่นด้วยกันเองเริ่มส่งรถหรูบุกตลาดอเมริกา นิสสันจึงได้ทำการส่งออกบ้าง ปัจจุบันนอกจากจะจำหน่ายในอเมริกาแล้ว ยังมีการจำหน่ายในประเทศต่างๆ ทั้งในเอเชีย รวมถึงในยุโรปบางประเทศด้วย ในปี 2012 Infiniti ได้จัดตั้งสำนักงานใหญ่ขึ้นที่ฮ่องกง โดยมีเป้าหมายที่จะแซงตลาดรถยนต์สหรัฐฯ และกลายเป็นตลาดรถยนต์พรีเมียมที่ใหญ่ที่สุด

ค่ายรถยนต์นิสสันสร้างแบรนด์ระดับพรีเมียมภายใต้แนวคิด Q Inspiration โดยต้องการให้เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างเช่น ห้องโดยสารที่ใหญขึ้นและโล่งมากขึ้น เพื่อให้มีโอกาสได้สัมผัสกับความเรียบง่ายและพื้นที่ใช้สอยในแบบฉบับของญี่ปุ่นจึงมีการลดปุ่มสั่งการต่าง ๆ ลง นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรมยานยนต์ รถยนต์ไฟฟ้าและรถยนต์ที่ขับเคลื่อนได้ด้วยตนเอง

คุณอัลฟองโซ่ อัลไบซ่า (Alfonso Albiasa) หัวหน้าฝ่ายออกแบบของนิสสันเผยว่า การลดอุปกรณ์ในตัวรถลงเพื่อให้รถดูกว้างขึ้นคือแรงบันดาลใจในการออกแบบ และเป็นการออกแบบที่ซึมซับเข้าสู่ DNA ของความเป็นญี่ปุ่นโดยแท้

หลังจากที่เป็นคู่แข่งกับเยอรมัน (Audi) มาเป็นทศวรรษ Infiniti ยังคงเหลือเส้นทางให้ฟันฝ่าเพื่อลดช่องว่างระหว่างกัน รวมไปถึงช่องว่างที่ขยายใหญ่ของ BMW AG ด้วย จากยอดขายรถยนต์ปี 2017 พบว่า ยอดขายของ BMW ขายได้ทั่วโลกกว่า 2.08 ล้านคัน นับเป็นยอดขายที่สูงขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 4.2% ด้วยซ้ำ ในขณะที่ยอดขายรถยนต์ของ Audi เป็นรองลงมา ค่ายนี้กวาดยอดขายจากทั่วโลกได้กว่า 1.8 ล้านคัน และมียอดขายที่เพิ่มขึ้นจากปี 2016 เป็น 0.6% สำหรับยอดขายของ Infinity นั้นเรียกได้ว่าแทบจะเทียบไม่ได้กับสองค่ายข้างหน้า แต่ยังมีแนวโน้มที่ตัวเลขจะมีเพิ่มมากขึ้น ยอดขายรวมทั่วโลกของ Infinity ปิดที่ 246,492 คัน และมียอดขายที่เพิ่มขึ้นสูงกว่าปีก่อนถึง 7%

อย่างไรก็ตาม การมีอยู่ของ Infiniti ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่าจะทำให้อุตสาหกรรมยานยนต์มีความเคลื่อนไหว และอาจจะเกิดการทำข้อตกลงร่วมกันในภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ใหม่ก็ได้ อีกทั้งผู้ผลิตรถยนต์เองต่างก็เล็งเห็นว่ากว่าครึ่งของยอดขายรถยนต์ในปี 2025 กว่าครึ่งต้องมาจากการขายรถยนต์ไฟฟ้าอย่างแน่นอน

การมุ่งเน้นไปที่ความเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นระดับลึก ถือเป็นการหยุดพักจากการออกแบบสไตล์ละตินที่อัลไบซ่าเคยผ่านมือมาซึ่งแบบรถยนต์ที่ผ่านมานั้นล้มเหลวในการสร้างคาแรคเตอร์ที่ชัดเจนให้แก่ Infiniti แต่นั่นก็นับว่าเป็นโอกาสที่จะสร้างเอกลักษณ์ของตัวเองขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คุณเคน มิยาโอะ (Ken Miyao) นักวิเคราะห์าจาก Carnorama กล่าว

ทั้งยังกล่าวอีกว่า “Infiniti นั้นมีภาพลักษณ์ที่คลุมเครือและดูไม่เหมือนเป็นแบรนด์ญี่ปุ่นแท้ ๆ ในโลกที่ทุกอย่างมีคุณภาพสูงนี้ ควรมีพื้นที่สำหรับ ‘Wa’ แนวคิดทางวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นที่บ่งบอกถึงความสามัคคีและสงบสุข”

กว่าจะมาเป็น Infiniti ภายใต้แนวคิด Q Inspiration อัลไบซ่าได้กล่าวเอาไว้ว่าเขายึดถึงหลัก ‘Ma’ ที่หมายถึงความสงบในที่เปิดโล่ง เขาจึงปรับแต่งและลดปุ่มกดที่ไม่จำเป็นในห้องโดยสารออกไป

อัลไบซ่านิยามตัวเองในวัยหนุ่มว่า เขาเป็นเพียงนักศึกษาไร้ประสบการณ์ที่เรียนด้านการออกแบบในนิวยอร์กเท่านั้น แต่หลังจากเรียนจบเขาก็ได้ไปทำงานด้านการออกแบบกับค่ายนิสสัน และในปี 2004 เขาได้ถูกเสนอชื่อให้เป็น Design Director ของนิสสันในอเมริกาเหนือ อัลไบซ่าได้ออกแบบรถของนิสสันหลายคันอย่างออกนอกกรอบ — เหมือนอย่าง Juke

เมื่อครั้งออกแบบ Juke ที่หลายคนบอกว่ามันช่างดูขัดแย้งจนเหมือนคนละขั้วเสียเหลือเกินจากภาพลักษณ์นิสสันเดิม ๆ ที่ดูสุขุมกว่า อัลไบซ่าเผยว่า “Juke นั้นมุ่งเป้าไปที่กลุ่มผู้ซื้อกลุ่มใหม่ที่มีอายุน้อยกว่า จึงมีการออกแบบที่เปลี่ยนไปให้มีเอกลักษณ์ที่เข้าใกล้กับกลุ่มคนรุ่นใหม่มากกว่า”มันจึงเป็นการผสมผสานระหว่างรถกึ่ง ๆ สปอร์ตและรถสำหรับวิ่งวิบาก

อัลไบซ่าเคยบอกว่า “ผมต้องการใช้ประโยชน์จากพลังของธรรมชาติในงานออกแบบของผม แต่ไม่ว่าความต้องการเหล่านั้นจะมากขนาดไหน ผมก็ตระหนักได้ถึงตัวตนเล็ก ๆ ท่ามกลางท้องทะเลที่กว้างใหญ่ และผมอยากจะเก็บความรู้สึกสงบและความรู้สึกเจียมตัวเหล่านี้ไว้”

และในฐานะที่เป็นหัวหน้าฝ่ายออกแบบที่เป็นชาวต่างชาติ เขาได้ใช้เวลาเรียนรู้วัฒนธรรมของญี่ปุ่นทั้งหมด รวมไปถึงเรื่องเซรามิกและช่างไม้แบบดั้งเดิมด้วย

“สิ่งเหล่านี้เริ่มมีอิทธิพลต่อกระบวนการคิดของผมและสายตาที่ผมมองเทคโนโลยีก็เริ่มเปลี่ยนไป” อัลไบซ่ากล่าว “คนอื่น ๆ มักจะพากันคิดว่าผมจะต้องทำสิ่งพื้น ๆ หรืออะไรที่ทำให้พวกเขากังวลออกมา แต่ผมไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนั้นสักหน่อย”

อัลไบซ่าทิ้งท้ายด้วยประโยคสั้น ๆ ว่า “แน่ล่ะ ผมมันไม่ธรรมดาอยู่แล้ว”

 

อ่านต่อ: Nissan ตั้งเป้าขายรถยนต์ไฟฟ้าล้านคันทั่วโลก ภายในปี 2020