TOYOTA ประกาศเลิกขายรถยนต์ดีเซล
เป็นไปตามคาด เมื่อวันที่ 5 มีนาคมที่ผ่านมา ค่ายรถพี่เบิ้มอย่าง Toyota ก็ออกมาประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์ดีเซลในทวีปยุโรปไปซะแล้ว
ซึ่งรถยนต์ที่พี่เขาจะวางจำหน่ายต่อจากนี้ ทั้ง Toyota C-HR ที่จะไม่มีเครื่องยนต์ดีเซลให้เลือกอีกต่อไป รวมถึงนิวเจเนอเรชั่น Auris ที่เสนอทางเลือกเพียงรถยนต์เบนซินและรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด (HEV) แต่ก็จะยกเว้นในหมวดรถเพื่อการพาณิชย์อย่าง Hilux, Proace, และ Land Cruiser
ไม่ใช่ว่าพี่เบิ้ม Toyota เขาถอดใจหรือจะยอมแพ้นะครับ แต่พี่แกพยายามที่จะดันรถไฮบริดขึ้นมาแทน ส่วนรถยนต์ไฟฟ้าคงต้องรอกันไปอีกยาวๆ
ปัญหามันก็เกิดจากข่าวฉาวเรื่องการโกงผลตรวจปล่อยมลพิษในปี 2015 นั่นแหละครับ ตลาดรถยนต์ยุโรปก็เริ่มแบนรถยนต์ดีเซล แล้วพากันเบนเข็มไปที่รถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น
พอมาดูตัวเลขยอดขายรถยนต์ดีเซลของ Toyota ในปี 2017 ก็เห็นว่ามียอดขายอยู่ที่ 13.1% จากยอดขายทั้งหมด นั่นก็หมายความว่ารถยนต์ดีเซลมียอดขายลดลงถึง 30.2% จากปี 2012 ซึ่งถ้าหากว่ามานั่งนับเฉพาะรถยนต์นั่งส่วนบุคคลแล้วจะพบว่าเหลืออยู่ไม่ถึง 10% น้อยนิดเหลือเกิน
ในขณะเดียวกัน ยอดขายรถยนต์ไฮบริดในยุโรปเมื่อปี 2017 นั้นอยู่ที่ 41% จากยอดขายทั้งหมด เป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจากเดิม 9% โดยเฉพาะยอดขายรถ SUV “C-HR” ที่มีมากถึง 78% จากยอดขายรถยนต์ไฮบริดทั้งหมด ก็เลยทำให้ Toyota ต้องมีแผนตั้งศูนย์การขายเพิ่มในยุโรปเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งให้มากขึ้น
Mr. Johan van Zyl ประธาน Toyota Motor Europe ได้กล่าวอย่างหนักแน่นว่า “Toyota จะทำการยกเลิกรถยนต์ดีเซลจากรถยนต์นั่งทั้งหมดในปี 2018 และขยายไลน์การผลิตรถไฮบริดสำหรับรถยนต์นั่งเพื่อตอบสนองต่อความต้องการของลูกค้า ส่วนรถเพื่อการพาณิชย์อย่าง Hilux, Proace, และ Land Cruiser จะยังคงใช้เครื่องยนต์ดีเซลต่อไป”
พอย้อนกลับมาดูยอดขายรถปี 2560 ของประเทศไทยของเราก็เห็นได้ชัดว่า Toyota มียอดจำหน่ายกว่า 240,000 คันในปี 2560 โดยยังคงครองแชมป์รถปิกอัพถึง 143,531 คัน ผู้ผลิตชิ้นส่วนบ้านเรายังมีเวลาต่อลมหายใจกับตลาดรถปิกอัพไปอีกหลายปีกว่าที่เทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้าจะสามารถพัฒนาขึ้นมาสู้กับเครื่องยนต์ดีเซลได้
สำหรับการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริดของ Toyota ในบ้านเรานั้น บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด ได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแล้วเมื่อตุลาคม 2560 โดยขยายกิจการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าไฮบริด จะมีกำลังการผลิตปีละ 70,000 คัน การผลิตแบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้า ปีละประมาณ 70,000 ชิ้น และชิ้นส่วนยานพาหนะ ปีละประมาณ 9,100,000 ชิ้น เงินลงทุนรวม 19,016 ล้านบาท ตั้งอยู่ที่นิคมอุตสาหกรรมเกตเวย์ซิตี้ จังหวัดฉะเชิงเทรา
การเดินหมากของ Toyota ครั้งนี้ดูน่าสนใจไม่น้อย ก็ต้องคอยจับตาดูและรอลุ้นเอาละกันว่าหมากตัวนี้จะเดินไปต่อยังไง
ข้อมูล - newsroom.toyota.eu