“เบนซ์” ลั่นอีก 4 ปีคนไทยได้ใช้แน่รถอีวี เทกว่า 100 ล้านยูโร ผุดรง. แบตเตอรี่
เบนซ์ไทยแลนด์ ประกาศชัดอีก 4 ปีคนไทยได้ใช้แน่รถอีวี ปูทางสู่ผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าครบวงจร เทกว่า 100 ล้านยูโรผนึกธนบุรีประกอบรถยนต์ตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในไทย เร่งเครื่องลุย “ปลั๊กอิน-ไฮบริด” ดันสัดส่วนทะลุ 40%
นายไมเคิล เกรเว่ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า เบนซ์และโรงงานธนบุรีประกอบรถยนต์ได้ร่วมลงทุนกว่า 100 ล้านยูโร เพื่อยกระดับการผลิตในไทยรองรับความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่กำลังเพิ่มสูงขึ้นในภูมิภาค พร้อมทั้งขยายโรงงานประกอบรถยนต์และสร้างโรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่ขึ้นบริเวณโรงงานธรบุรีฯ
นายเกรเว่ ระบุชัดว่า ภายในปี 2565 หรือจากนี้อีก 4 ปี จะผสานระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้ากับรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์อย่างทั่วถึง เพื่อผลักดันให้คนไทยได้ใช้รถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์จากแบรนด์สมาร์ทไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รวมถึงกำลังวางแผนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50 รุ่นย่อยอีกด้วย
ในขณะเดียวกัน เมอร์เซเดส-เบนซ์ยังสนับสนุนการพัฒนารถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด และการแจ้งเกิดของระบบ 48 โวลท์ พร้อมด้วยรถยนต์รุ่นแรกในตระกูล EQ ซึ่งใช้ชื่อว่า EQC ที่จะเข้าสู่สายการผลิตในปี 2562 ที่เบรเมน ประเทศเยอรมนี ทั้งนี้ EQ เป็นแบรนด์เทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์ที่ถือเป็นองค์ประกอบสำคัญของกลยุทธ์ CASE ซึ่งประกอบด้วยเสาหลักเชิงกลยุทธ์ที่ผสานกันอย่างชาญฉลาด ได้แก่ การเชื่อมต่อ (Connected), การขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Autonomous), ความยืดหยุ่นในการใช้งาน (Shared & Services) และระบบขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้า (Electric)
“การลงทุนครั้งนี้จะสร้างงานใหม่อีกกว่า 300 ตำแหน่งที่ฐานการผลิตแห่งนี้”
นายมาร์คุส เชฟเฟอร์ กรรมการบริหาร รถยนต์เมอร์เซเดส-เบนซ์ ฝ่ายการผลิตและการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ระบุว่า โครงการเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าในเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์คาร์ที่มีความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพในการผลิตสูงกำลังก้าวรุดหน้าด้วยดีและรวดเร็วอย่างยิ่ง โดยหนึ่งในแผนงานตามกลยุทธ์ของเรา คือ การร่วมมือกับพันธมิตรอย่างธนบุรีประกอบรถยนต์ เพื่อเตรียมพร้อมสู่อนาคตแห่งการสัญจรในประเทศไทยที่จะขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า ซึ่งจากแนวคิดการผลิตแบตเตอรี่ของเราที่มีมาตรฐานเดียวกันและสามารถขยายต่อเติมได้ ทำให้เราเปิดสายการผลิตได้อย่างรวดเร็วในภูมิภาคใด ๆ ก็ตามด้วยขนาดโรงงานที่เหมาะสม
“โรงงานแบตเตอรี่ในประเทศไทยจะเสริมเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกของเราให้มีโรงงานเพิ่มขึ้นเป็น 6 แห่งใน 3 ทวีปใช้เทคโนโลยีใหม่ลิเทียม-ไอออน กำลังผลิตยังไม่สามารถเปิดเผยแต่จะป้อนเฉพาะแบรนด์เมอร์เซเดส-เบนซ์ และส่งออกในภูมิภาคนี้เป็นหลัก”
ประธานบริหารเบนซ์ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า ในปี 2560 เมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดจำหน่ายรถยนต์ในประเทศไทยสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวนมากกว่า 14,000 คัน ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตสูงถึงสองหลัก โดยรุ่นที่มียอดจำหน่ายสูงสุดประกอบด้วยรถยนต์ซีดานตระกูล E-Class, C-Class และ CLA ในปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ ประเทศไทย ทำตลาดรถยนต์ที่ประกอบภายในประเทศรวมทั้งหมด 9 รุ่น โดยรุ่นที่เป็นรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริดได้รับความนิยมอย่างมาก มั่นใจว่าปีนี้เบนซ์น่าจะมีสัดส่วนรถปลัก๊-อิน ไฮบริด มากกว่า 40% และอนาคตจะขยายตัวไปเรื่อยๆ
นายวีระชัย เชาวน์ชาญกิจ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด กล่าวว่า ธนบุรีประกอบรถยนต์มีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่เมอร์เซเดส-เบนซ์ แมนูแฟคเจอริ่ง ประเทศไทย มอบความไว้วางใจให้เราเป็นผู้ผลิตอย่างเป็นทางการในการตั้งโรงงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ โรงงานผลิตแบตเตอรี่แห่งใหม่นี้จะตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 30 ไร่ ใกล้กับโรงงานประกอบรถยนต์ของเมอร์เซเดส-เบนซ์ในปัจจุบัน โดยจะเริ่มเดินสายการผลิตในช่วงต้นปี 2562
“เราตระหนักเป็นอย่างดีว่าความรู้ความสามารถของพนักงานฝ่ายผลิตมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อเครือข่ายการผลิตทั่วโลกของ เมอร์เซเดส-เบนซ์ คาร์ เราเชื่อมั่นในตัวบุคลากร เครือข่าย และการผลิตที่ใช้ทักษะฝีมือขั้นสูงจึงมั่นใจได้ว่าแบตเตอรี่ของเราจะมีคุณภาพได้มาตรฐานทัดเทียมกับ แหล่งผลิตอื่นๆ ทั่วโลก”