Taiyo Nippon Sanso เตรียมแผนเข้าซื้อธุรกิจก๊าซในไทยและเวียดนาม

อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 2561
  • Share :

ปัจจุบัน Taiyo Nippon Sanso มุ่งหน้าวางรากฐานอย่างมั่นคงในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จากเดิมที่ผู้ค้ารายใหญ่อย่าง Air Liquide บริษัทสัญชาติฝรั่งเศส และ Linde Group บริษัทสัญชาติเยอรมนีเป็นผู้ครองตลาด

Taiyo Nippon Sanso ขยายตัวด้วยการเข้าซื้อธุรกิจก๊าซในท้องถิ่น เริ่มที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประเทศพม่าก็เป็นอันดับแรก โดยวางระบบการซัพพลายและขายก๊าซอุตสาหกรรม รวมถึงส่งเสริมการนำไปใช้ในธุรกิจ และคาดว่าความต้องการที่จะมากขึ้นอีกในอนาคตจากการเติบโตของอุตสาหกรรมเหล็ก อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมการแพทย์ จะส่งผลให้ Taiyo Nippon Steel กลายเป็นผู้ค้ารายสำคัญในระดับนานาชาติต่อไป

 

มุมมองต่ออนาคต

Mr. Kiichi Ishikawa ประธานบริษัท Taiyo Nippon Sanso Holdings Singapore กล่าวถึงส่วนแบ่งในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ว่ามีแนวโน้มจะเติบโตจาก 10% เป็น 25-30% ในอีก 10 ปีถัดจากนี้

ซึ่งในภายภาคหน้านั้น นอกจากประเทศพม่า Taiyo Nippon Sanso ยังพร้อมที่จะเดินหน้าต่อในประเทศสิงคโปร์ที่มีแนวโน้มการเติบโตอย่างมั่นคง และประเทศกำลังพัฒนาซึ่งประกอบด้วยมาเลเซีย ไทย และเวียดนาม

ประธาน Ishikawa คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาดก๊าซอุตสาหกรรมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะโตขึ้นปีละ 10% และจะมีมูลค่าถึง 5 ล้านล้านเยนในอีก 10 ปีนับจากนี้ ซึ่งทางบริษัทต้องการส่วนแบ่งราว 25% หรือคิดเป็นมูลค่า 1.2 – 1.3 ล้านล้านเยนจากตลาดที่ว่านี้ อย่างไรก็ตาม หากมองเพียงแค่การเติบโตจากธุรกิจที่เป็นลูกค้าแต่เดิมนั้นก็มีข้อจำกัดอยู่

ในส่วนนี้เอง ทาง Taiyo Nippon จึงได้ทุ่มเทให้กับการส่งเสริมสำนักงานส่วนภูมิภาคนับมาตั้งแต่ปี 2014 และเน้นกลยุทธการลงทุนเชิงรุกภายใต้การดูแลจากสำนักงานใหญ่

ผลลัพธ์ที่ปรากฏ

หนึ่งในปัจจัยการเติบโตที่สำคัญ คือ การส่งเสริมให้มีการนำก๊าซอุตสาหกรรมไปใช้อย่างแพร่หลาย ซึ่งในส่วนนี้เองก็เริ่มมีผลลัพธ์ที่ดีปรากฏให้เห็น เช่น ธุรกิจการเพาะเลี้ยงกุ้งมีการนำถุงออกซิเจนไปใช้เพื่อขนส่งกุ้งเป็น ๆ

ทางบริษัทจึงได้เข้าเสนอแนะให้ใช้เครื่องเติมอากาศและเครื่องผลิตออกซิเจนคุณภาพสูงในแหล่งเพาะเลี้ยง ซึ่งผู้รับผิดชอบในส่วนนี้ได้กล่าวว่าหากมีปริมาณออกซิเจนละลายที่เหมาะสม ก็จะสามารถทำให้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำจำนวนมากได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้บริษัทได้รับความสนใจขึ้นเป็นอย่างมาก

นอกจากนี้ ยังมีแผนการมอบอำนาจการตัดสินใจจากสำนักงานใหญ่ให้กับสำนักงานในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย

ซึ่งนโยบายเช่นนี้ จะส่งผลให้กิจการในสิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม พม่า และอินโดนีเซีย มีความคล่องตัวในการบริหารจัดการมากขึ้นทั้งในด้านมาตรฐานความปลอดภัย และทรัพยากร รวมไปถึงแนวโน้มการว่าจ้างบุคลากรในท้องที่ และพัฒนาบุคลากรให้มีประสิทธิภาพเพื่อช่วยในการบริหารจัดการและพัฒนาเทคโนโลยีต่อไปในอนาคต

ขยายการซัพพลายในส่วนภูมิภาค

Taiyo Nippon มีนโยบายขยายการซัพพลายในส่วนภูมิภาค โดยปัจจุบันได้มีแผนการสร้างโรงงานใหม่ที่มาเลเซียซึ่งตลาดมีการขยายตัวเพื่อยกระดับการซัพพลายสินค้าของทางบริษัท

นอกจากนี้ ยังมีแผนดึงดูดกลุ่มลูกค้าซึ่งมีการใช้เครื่องแยกอากาศ (Air Separator Unit: ASU) ในฐานะของผู้ผลิตแทนที่ซัพพลายเออร์อีกด้วย

โดยหลังจากนี้ ทางบริษัทยังมีแผนเร่งการเข้าซื้อธุรกิจในไทยและเวียดนาม เพื่อตอบรับกับอุปสงค์ซ่อนเร้น (Latent Demand) ที่คาดว่าจะขยายตัวขึ้นในอนาคต