นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) กล่าวในงานสัมมนา “โครงการศึกษาเมืองการบินภาคตะวันออก” ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาและจัดทำแผนงานเชิงกลยุทธ์การพัฒนาเมืองการบินภาคตะวันออก ระยะที่ 2 พื้นที่ 6,500 ไร่ คาดจะแล้วเสร็จภายใน 18 เดือน เพื่อพัฒนาสนามบินนานาชาติอู่ตะเภาให้บริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบเชื่อมสนามบินดอนเมือง และสนามสุวรรณภูมิ เป็นมหานครแห่งการบินภายใน 5 ปี วงเงินลงทุนกว่า 2 แสนล้านบาท ควบคู่กับการศึกษาแนวทางพัฒนายกระดับเมืองโดยรอบสนามบินให้พร้อมรองรับการขยายตัวของเมือง

“ผลการศึกษาคาดว่าหลังการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นเมืองแห่งการบินแล้วจะทำให้เมืองโดยรอบในรัศมี 10-20 กิโลเมตร ครอบคลุม 3 จังหวัด มีการขยายตัวตามไปด้วย จึงจำเป็นต้องมีการวางโครงข่ายคมนาคมขนส่งหลักที่ดี มีการจราจร ระบบสาธารณูโภค ศูนย์การค้า สถาบันการศึกษา โรงพยาบาลและอื่นๆ ที่น่าอยู่ ไม่แออัดเหมือนสนามบินในกรุงเทพมหานคร ทำให้เกิดการจ้างงาน ความเป็นอยู่ของประชาชนในพื้นที่ดีขึ้น คุณภาพชีวิตก็ดีตามไปด้วย โดยขณะนี้กำลังหารือกับกรมโยธาธิการและผังเมืองเตรียมความพร้อมพื้นที่โดยรอบไว้แล้ว ซึ่งเมื่อผลการศึกษาแล้วเสร็จเชื่อว่าจะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุน” นายคณิศกล่าว

อย่างไรก็ตาม เมื่อแผนการพัฒนาเมืองการบินมีความชัดเจน ประกอบกับมีการวางระบบการสื่อสารในอีอีซีให้มีประสิทธิภาพให้ภาคอุตสาหกรรมได้ใช้ประโยชน์สร้างความได้เปรียบทางธุรกิจ เชื่อว่าจะสามารถดึงดูดนักลงทุนในอุตสาหกรรมการบิน รวมถึง 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายเข้ามาลงทุนในอีอีซีจำนวนมาก และเกิดเม็ดเงินลงทุนอีกหลายแสนล้านบาท