“โตโยต้า” ลั่นขอขาย 3 แสนคัน ยอมรับพลาดเป้า ปีที่แล้วขายเเค่ 2.4 แสนคัน

อัปเดตล่าสุด 16 ม.ค. 2561
  • Share :

นายมิจิโนบุ ซึงาตะ เจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึงยอดการจำหน่ายรถยนต์โดยรวมในปีที่ผ่านมาว่า
มียอดขายอยู่ที่ 870,748 คัน มีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 13.3% เป็นผลมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ผลักดันให้ GDP ของประเทศไทยเติบโต 3.9% ส่งผลให้ตลาดรถยนต์ไทยเติบโตครั้งแรกในรอบ 4 ปี

โดยแบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 345,501 คัน โต 23.5% รถเพื่อการพาณิชย์ 525,247 คัน โต 7.4% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 424,282 คัน โต 7.7% รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 364,706 คัน โต 9.4%

และโตโยต้ามียอดขาย 240,137 คัน ลดลง 2.0% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 96,606 คัน เพิ่มขึ้น 10.7% รถเพื่อการพาณิชย์ 143,531 คัน ลดลง 9.1% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 133,458 คัน ลดลง 10.1%

ด้านตลาดส่งออกในปีที่ผ่านมา โตโยต้าได้ส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปจำนวน 299,385 คัน ลดลง 6% คิดเป็นมูลค่า 159,321 ล้านบาท ตลอดจนการส่งออกชิ้นส่วน มูลค่า 65,387 ล้านบาท รวมเป็นมูลค่าการส่งออกที่นำรายได้กลับสู่ประเทศไทยเป็นเงินทั้งสิ้น 224,708 ล้านบาท

ส่วนปีนี้คาดว่ายอดการจำหน่ายรถยนต์โดยรวมจะเริ่มฟื้นกลับคืน เรื่องจากขณะนี้มีปัจจัยบวกหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นความเชื่อมั่นใจผู้บริโภค, มาตรการการส่งเสริมการลงทุนจากภาครัฐ, จีดีพีที่มีแนวโน้มดีขึ้นอยู่ในระดับ 3.9% รวมถึงการเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ จากค่ายรถยต์ต่างๆ น่าจะเป็นปัจจัยที่ผลักดันให้ยอดขายรถยนต์สามารถขึ้นไปอยู่ในระดับ 900,000 คันได้ไม่ยาก โต 3.4% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 352,000 คัน เพิ่มขึ้น 1.9% รถเพื่อการพาณิชย์ 548,000 คัน เพิ่มขึ้น 4.3% รถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) 424,000 คัน ลดลง 0.1% รถกระบะ 1 ตัน (ไม่รวมรถกระบะดัดแปลง) 364,000 คัน ลดลง 0.2%

โดยบริษัทตั้งเป้าจะมียอดขายที่ระดับ 300,000 คันในปีนี้ มีส่วนแบ่งตลาด 33.3% แบ่งเป็นรถยนต์นั่ง 113,000 คัน เพิ่มขึ้น 17.0% ส่วนแบ่งตลาด 32.1% รถเพื่อการพาณิชย์ 187,000 คัน เพิ่มขึ้น 30.3% ส่วนแบ่งตลาด 34.1% และรถกระบะ 1 ตัน (รวมรถกระบะดัดแปลง) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของยอดขายรถเพื่อการพาณิชย์ 157,000 คัน เพิ่มขึ้น 17.6% ส่วนแบ่งตลาด 37.0%

และการส่งออกรถยนต์สำเร็จรูป จะสามารถรักษายอดส่งออกไว้ที่ระดับ 300,000 คัน เนื่องมาจากผลกระทบจากสถานการณ์ในตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นหนึ่งในตลาดส่งออกที่สำคัญ