“ไฮเออร์” ปูพรมสินค้าหรู ส่งราคาเร้าใจเขย่าตลาด

อัปเดตล่าสุด 25 ธ.ค. 2560
  • Share :
  • 500 Reads   

“ไฮเออร์” ทุ่มสุดตัวปรับภาพลักษณ์ขึ้นชั้นแบรนด์ไฮเอนด์ ปูพรมสินค้าพรีเมี่ยมแอร์-ตู้เย็น-เครื่องซักผ้า ชูจุดขายนวัตกรรมล้ำ ราคาจับต้องได้ พร้อมผุด “ไฮเออร์ช็อป” ร้านค้าควบโชว์รูมอีก 20 สาขา ปักธงทุกหัวเมืองทั่วประเทศ ก่อนเปิดไลน์ผลิตตู้เย็น 2 และ 4 ประตูในไทยปลายไตรมาส 2 รับดีมานด์ มั่นใจปีหน้ายอดขายโตพุ่งกว่า 50% แตะ 4,000 ล้านบาท และตั้งเป้า 5 ปียึดอันดับ 1 ตลาดแอร์

นายจาง เจิ้งฮุ้ย ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ไฮเออร์ อีเลคทริคอล แอพพลายแอนซ์ (ประเทศไทย) จำกัดผู้จัดจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าแบรนด์ไฮเออร์กล่าวว่า ปีหน้าจะเริ่มปรับภาพลักษณ์ไปสู่แบรนด์พรีเมี่ยมเต็มตัว ทั้งด้านไลน์อัพสินค้าที่จะเพิ่มสัดส่วนของกลุ่มพรีเมี่ยมมากขึ้น จาก 30% เป็นอย่างน้อย 50% เน้นแอร์ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า และเพิ่มจำนวน “ไฮเออร์ช็อป” ร้านค้าสแตนด์อะโลนที่ขายเฉพาะแบรนด์ไฮเออร์และมีสินค้าครบทุกกลุ่มให้ครอบคลุมทั่วประเทศ รวมถึงเปิดสายการผลิตสินค้าพรีเมี่ยมในไทย พร้อมสร้างการรับรู้ด้วยการสื่อสารครบวงจร เพื่อชิงดีมานด์ผู้บริโภคระดับกลาง-บนที่มีกำลังซื้อสูง

สำหรับไลน์อัพสินค้าปีหน้า แอร์จะเป็นหัวหอกสำคัญ เนื่องจากจุดเด่นด้านราคาเข้าถึงได้ และนวัตกรรมสามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้ดี โดยไม่ต้องพึ่งแรงกระตุ้นจากสภาพอากาศ สะท้อนจากยอดขายปีนี้เติบโต 10% เป็น 1,300 ล้านบาท หรือครึ่งหนึ่งของรายได้ร่วม 2,700 ล้านบาท พร้อมครองส่วนแบ่งตลาด 6% สวนทางกับตลาดรวมที่หดตัว 1%

โดยลอนช์สินค้าใหม่ 25 รุ่น ราคา 1.5-4 หมื่นบาท ชูอินเวอร์เตอร์และระบบทำความสะอาดตัวเองเป็นจุดขายหลัก ตอบโจทย์ด้านประหยัดค่าไฟ-ล้างแอร์และสุขภาพส่วนสินค้าหมวดอื่น อาทิ ตู้เย็น และเครื่องซักผ้า ซึ่งทำรายได้เป็นอันดับ 2 และ 3 ที่ 550 ล้านบาท และ 310 ล้านบาทตามลำดับ จะนำเข้ารุ่นพรีเมี่ยมจากจีน เช่น รุ่น 4 ประตู ซึ่งมีจุดเด่นด้านนวัตกรรม โดยอาศัยจังหวะที่ภาษีนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าลดจาก 30% เหลือ 5% ตั้งแต่ ม.ค. 2561 ตามข้อตกลงเอฟทีเอไทย-จีน ช่วยให้สามารถตั้งราคาในระดับที่สามารถแข่งขันได้

นอกจากนี้ ช่วงเดือน พ.ค.-มิ.ย. 2561 เตรียมเปิดไลน์ผลิตสินค้าพรีเมี่ยม อาทิ ตู้เย็น 2 ประตูผิวกระจก และตู้เย็น4 ประตู ที่โรงงานในจังหวัดปราจีนบุรี เพื่อให้สอดคล้องกับแผนปรับไลน์อัพและรองรับดีมานด์ในระยะยาว

ขณะเดียวกัน เดินหน้าขยายช่องทางขาย โดยจับมือพันธมิตรทุ่มงบฯ 20 ล้านบาท ปูพรมร้าน “ไฮเออร์ช็อป” เพิ่มอีก 20 สาขา จากปัจจุบันมีเพียง 2 สาขา เจาะทำเลหัวเมืองทั่วประเทศเพื่อเป็นทั้งช่องทางขายและสร้างการรับรู้กับผู้บริโภคในพื้นที่ไปพร้อมกัน สำหรับช่องทางอื่นยังขยายต่อเนื่อง โดยอยู่ระหว่างเจรจานำตู้แช่เข้าโมเดิร์นเทรดใหญ่รายหนึ่ง และเพิ่มจุดขายในสาขาของเพาเวอร์มอลล์และเพาเวอร์บาย เช่นเดียวกับร้านดีลเลอร์ซึ่งปัจจุบันมี 400 ร้านค้านั้น จะมุ่งเพิ่มร้านแอร์ให้มากขึ้น พร้อมกระตุ้นการขายด้วยการร่วมทำกิจกรรมการตลาดและอินเซนทีฟต่าง ๆ เมื่อทำยอดได้ตามเป้า

ด้านการทำตลาด ได้ดึง “บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์และลอนช์โฆษณาทางฟรีทีวี เพื่อสื่อสารไปยังผู้บริโภครุ่นใหม่ทั่วประเทศ

“การลงทุนทั้งหมดนี้เพื่อเป็นรากฐานรองรับไลน์อัพสินค้าพรีเมี่ยมที่จะนำมาขายมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งนำเข้าและผลิตในประเทศ รวมถึงหมวดใหม่ ๆ อย่างชุดครัวบิลต์อินซึ่งกำลังศึกษาโอกาสอยู่และจะชัดเจนช่วงไตรมาส 2 ปีหน้า”

เชื่อว่ากลยุทธ์เหล่านี้จะทำให้ยอดขายรวมจะโตประมาณ 48% เป็น 4,000 ล้านบาทในปี 2561 โดยมีแอร์เป็นสินค้าหลัก เติบโตระดับ 2 หลักทุกปี และสามารถชิงส่วนแบ่งในตลาดแอร์ปี 2561 เพิ่มเป็น 7-8% ขยับขึ้นเป็นลำดับ 5 และเป็นอันดับ 1 ภายใน 5 ปี ด้วยส่วนแบ่ง 35%