รถยนต์ไฟฟ้า อีกอึดใจเดียว

อัปเดตล่าสุด 29 พ.ย. 2560
  • Share :

กระแส “รถยนต์ไฟฟ้า” (Electric Vehicle : EV) ที่กำลังค่อย ๆ คืบคลานกลืนกินรถยนต์ที่ใช้แก๊สและน้ำมันเป็นเชื้อเพลิงให้หายไป ช่วงหลังนี้เร็วจนน่าใจหาย

ขณะนี้หลายประเทศทั่วโลกได้ตั้งเป้านโยบายส่งเสริมการใช้รถอีวี พร้อม ๆ กับการประกาศ “หันหลัง” ให้กับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิง

รัฐบาลหลายประเทศเริ่มปรับเปลี่ยนนโยบายที่เกื้อหนุนตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศมากขึ้น ตัวอย่างเช่น “เยอรมนี” ประกาศยุติการจำหน่ายรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิง แล้วหันมาใช้พลังงานไฟฟ้า หรือพลังงานที่ไม่ปล่อยมลพิษแทนภายในปี 2030 ทั้งยังเสนอให้กลุ่มประเทศในสหภาพยุโรป (อียู) หันมาพิจารณามาตรการดังกล่าวร่วมกัน

ขณะที่เมื่อเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา “ฝรั่งเศส” ประกาศ เห็นด้วยในแนวคิดดังกล่าว พร้อมเอาจริงเอาจัง จะห้ามซื้อขายรถทุกประเภทที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในปี 2040

นอกจากนี้ “อังกฤษ” มีนโยบายสั่งห้ามการผลิตรถยนต์ที่ใช้น้ำมันดีเซลและเบนซินนับตั้งแต่ปี 2040 เพื่อแก้ปัญหามลพิษ และคาดว่าภายในปี 2050 รถที่วิ่งบนท้องถนนทุกคันจะเป็นรถปลอดมลพิษ ก็ทำให้หลายประเทศเห็นดีเห็นงามด้วย ในอังกฤษยังมีนโยบายสนับสนุนเงินมูลค่า 255 ล้านปอนด์ เพื่อช่วยเหลือหน่วยงานต่าง ๆ ในการแก้ปัญหามลพิษที่ปล่อยออกมาจากยานพาหนะ

นักวิเคราะห์หลายรายมองว่า มีความเป็นไปได้สูงที่ในอนาคตอีกไม่นาน ยุโรปจะเป็นทวีปที่ไม่ขายรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน และรถยนต์ที่สัญจรบนท้องถนนจะเป็นพลังงานไฟฟ้า 100%

ไม่เพียงแค่ยุโรป โซนเอเชียก็กระตือรือร้นในการเปลี่ยนแปลงนี้ไม่แพ้กัน เริ่มจากประเทศจีน ที่ถือว่าเป็นบิ๊กบึ้มของตลาดรถยนต์ เริ่มวางแผนหันหลังให้น้ำมันเช่นกัน จีนต้องการให้รถอีวี และรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด มีสัดส่วนอย่างน้อย 1 ใน 5 ของรถยนต์ที่ขายในจีน ภายในปี 2025 พร้อมตั้งเป้าภายในปี 2030 ผู้ผลิตรถยนต์ต้องผลิตและจำหน่ายเฉพาะรถอีวีเท่านั้น

ขณะที่ญี่ปุ่น แม้จะมีการพัฒนารถพลังงานไฟฟ้ามานานนับทศวรรษ ก็ต้องการเพิ่มสัดส่วนรถอีวีให้ได้ถึง 30% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมดภายในปี 2030 ทั้งยังให้เงินอุดหนุนการติดตั้งจุดชาร์จไฟฟ้าในสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเป็นตัวเร่งให้รถอีวีเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

ไม่ต่างจากอินเดีย ที่ตั้งเป้าให้ประเทศอินเดียใช้รถพลังงานไฟฟ้าแทนที่รถทุกประเภท ที่ใช้น้ำมันทั่วประเทศภายในปี 2030 ปัจจุบันได้เริ่มกับรถโดยสารสาธารณะแล้ว

บ้านเราแม้ผู้ผลิตหลายคนจะปากแข็งว่ารถอีวีอาจจะต้องใช้เวลาอีกพักใหญ่ แต่ก็มีรายงานจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือบีโอไอระบุว่า หลายค่ายทยอยยื่นเรื่องรับขอส่งเสริมกันบ้างแล้วโดยเฉพาะค่ายญี่ปุ่น ส่วนปัจจัยพื้นฐานที่จะสนับสนุนให้รถอีวีเกิดได้เร็วก็มีหลายหน่วยงานช่วยกันกระทุ้ง เป้าหมายที่รัฐบาลไทยส่งเสริมเพื่อทำให้เกิดการลงทุนผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างน้อย 20,000 ล้านบาท ภายใน 5 ปีจากนี้ และผลิตรถยนต์ไฟฟ้าได้ประมาณ 2-3% ของรถยนต์ทั้งระบบที่ผลิตได้ ปีละประมาณ 1 ล้านคัน หรือเป็นรถยนต์ไฟฟ้า 20,000-30,000 คัน คงไม่นานเกินรอ