Nissan ยกเครื่อง “Leaf” เพิ่มระยะทางขับขี่ถึง 400 กม.

อัปเดตล่าสุด 7 พ.ย. 2560
  • Share :
  • 402 Reads   

นิสสัน ประกาศวางจำหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) รุ่นใหม่ “Leaf” เมื่อวันที่ 6 ตุลาคม ซึ่งเป็นรุ่นยกเครื่องจากรุ่นปี 2010 ทั้งหมด โดยเปลี่ยนมาใช้แบตเตอรี่ความจุสูง ทำให้ได้ระยะทางขับขี่ที่มากถึง 400 กม. มากกว่ารุ่นแรกถึงหนึ่งเท่า พร้อมกับอัตราเร่งที่มากขึ้นและเสียงที่เงียบลง เสนอราคาอยู่ที่ 3,150,360เยน (รวมภาษี) ซึ่งถูกลงจากรุ่นเดิมที่วางตลาดอยู่ โดยประธานไซคาวะ ฮิโรฮิโตะ แสดงความมั่นใจว่า “รุ่นนี้จะเป็นเรือธงของนิสสันหลังจากนี้อย่างแน่นอน”

นอกจากนี้ ลีฟโมเดลใหม่ยังติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติและระบบควบคุมการเร่ง ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเทคโนโลยีล่าสุดของบริษัททั้งสิ้น

คาดการณ์ว่าจะสามารถทำยอดขายได้ถึง 36,000 คันในญี่ปุ่น ก่อนจะเริ่มทำตลาดในอเมริกาเหนือและยุโรปในปี 2018

ไพ่ตายของ EV เสริมสมรรถนะและอุปกรณ์

“ลีฟไม่ใช่ EV ธรรมดา แต่เป็นรถยนต์อันโดดเด่นด้วยเทคโนโลยีคุณภาพสูงจากบริษัทของเรา” คือประโยคที่กล่าวโดยรองประธาน Daniele Schillaci ในงานแถลงข่าวเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม เน้นย้ำถึง “เอกลักษณ์” ของลีฟโมเดลใหม่นี้ที่อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีล่าสุด ไม่ว่าจะนวัตกรรมเพิ่มระยะขับขี่ ระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระบบควบคุมการเร่ง และอื่นๆ

ในโมเดลนี้ ความจุของแบตเตอรี่ที่พัฒนาขึ้นใหม่นั้นมากกว่าเดิมถึง 7 ส่วน หรือคิดเป็น 40 Kw-H ส่วนระบบอินเวอร์เตอร์ซึ่งเป็น “หัวใจ” ของการควบคุมมอเตอร์เองก็มีกำลังขับมากขึ้น 40% หรือ 110 กิโลวัตต์ ทำให้มีระยะขับขี่สูงถึง 400 กม. มากกว่าโมเดลที่แล้วถึงเท่าตัว ทำให้สามารถขับขี่ได้อย่างทรงพลังและเงียบ

 อย่างไรก็ตาม การที่จะเอาชนะผู้ผลิตรายอื่นๆ นั้น การสร้างความแตกต่างเพียงแค่ระยะขับขี่ถือว่ายังไม่เพียงพอ ในโมเดลล่าสุดนี้ จึงได้ติดตั้งเทคโนโลยีขับขี่อัตโนมัติ เพื่อให้รองรับตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป

นอกจากระบบขับขี่อัตโนมัติบนถนนเลนเดียวอย่างที่ติดไว้ในมินิแวน “เซเรน่า” แล้ว ยังเป็นครั้งแรกสำหรับญี่ปุ่นที่ผู้ผลิตยานยต์ภายในประเทศได้ทำการติดตั้งระบบขับขี่อัตโนมัติลงในรถยนต์อย่างจริงจัง เพียงแค่กดสวิทช์ “เรื่องยากๆ ในการประสานการทำงานของพวงมาลัย คันเร่ง และเบรก เพื่อจอดรถ” (รองประธานซาคาโมโตะ ฮิเดยูกิ) นอกจากนี้ยังติดระบบควบคุมความเร็ว ทำให้สามารถควบคุมการเร่งเครื่องหรือเบรกรถด้วยคันเร่ง เสริมความสะดวกสบายในการขับขี่ให้มากขึ้น

หลังจากนี้ ก็จะมีการเปิดตัว EV ที่ใช้เทคโนโลยีล่าสุดอย่างต่อเนื่อง ด้วยเหตุนี้เอง ลีฟจึงเปรียบได้ดั่งการโยนหินถามทางในตลาด EV ของนิสสันเลยทีเดียว