Toyota, Mazda, Denso ร่วมตั้งบริษัทใหม่เพื่อการพัฒนา EV ผู้ผลิตรายอื่นเล็งมีส่วนร่วม
โตโยต้า มาสด้า เดนโซ่ ประกาศร่วมก่อตั้งบริษัทใหม่เพื่อการพัฒนาเทคโนโลยีโครงสร้างพื้นฐานยานยนต์ไฟฟ้า “EV C.A. Spirit” (เมืองนากามุระ จังหวัดนาโกย่า) เมื่อวันที่ 26 ที่ผ่านมานี้ โดยมีโตโยต้าถือหุ้น 90% มาสด้าและเดนโซ่ ถือหุ้นบริษัทละ 5% ในช่วงเริ่มต้นนั้น จะมีวิศวกรจาก 3 บริษัทรวมกันราว 40 คน และได้ตั้งเป้าขยายโครงการเพื่อให้ผู้ผลิตรายอื่นๆ ทั้งผู้ผลิตรถยนต์และผู้ผลิตชิ้นส่วนเข้าร่วมได้
เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โตโยต้าและมาสด้าได้ตกลงร่วมหุ้นกันในวันที่ 2 ตุลาคม ซึ่งได้ประกาศแน่ชัดถึงการร่วมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน EV โดยในครั้งนี้ ได้ตกลงเซ็นสัญญาร่วมพัฒนากับเดนโซ่เพิ่มด้วย
ซึ่งบริษัทแห่งใหม่นี้ ตั้งเป้าพัฒนาเทคโนโลยีพื้นฐานเพื่อให้เกิดการใช้ EV อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่รถจักรยานยนต์ ไปจนถึงรถบรรทุกขนาดเล็ก ซึ่งทั้ง 3 จะทำการพัฒนาไปด้วยกันอย่างยั่งยืน
โดยโตโยต้านั้น จะยังคงดำเนินโครงการสำนักงาน EV องค์กรวางแผนละพัฒนา EV ภายในบริษัท ซึ่งทำร่วมกันกับเดนโซ่ ไอชิน เซกิ ที่เริ่มต้นไปเมื่อเดือนธันวาคม ปี 2016 ต่อไป
ในจังหวะที่โลกกำลังตื่นตัวกับการพัฒนา EV โตโยต้าเองก็เพิ่มความกระตือรือร้นในการพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ เช่นเดียวกัน
องค์กรใหม่ที่เลือดของโตโยต้ายังเข้มข้น
บริษัทใหม่ซึ่งก่อตั้งโดยโตโยต้า มาสด้า และเดนโซ่นั้น ยังมีความเป็นโตโยต้าอยู่มาก ไม่ว่าจะด้วยสัดส่วนการหุ้นของโตโยต้าที่มากถึง 90% สถานที่ตั้งอยู่ที่ออฟฟิศนาโกย่าของโตโยต้า อีกทั้งในส่วนของพนักงาน มร. เทราชิ ชิเกคิ รองประธานโตโยต้าผู้รับหน้าที่ CEO, มร. อิเสะ คิโยทากะ กรรมการผู้จัดการ, มร. มิซุชิมะ โทชิยูกิ ในตำแหน่งผู้อำนวยการ และมร. อุเอดะ ทาซึโร่ ผู้รับตำแหน่งผู้ตรวจสอบบัญชี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นบุคลากรจากโตโยต้าทั้งสิ้น
ในการประชุมเมื่อครั้งเดือนสิงหาคมนั้น ประธานโตโยดะ อากิโอะ ให้ความเห็นว่า “จะทำการพัฒนาเทคโนโลยียานยนต์อย่างกว้างขวาง ตั้งแต่รถมินิไปจนถึงรถโดยสาร รถสปอร์ตอเนกประสงค์ และรถบรรทุกขนาดเล็ก” ซึ่งเทคโนโลยีพื้นฐานของ EV นั้น นอกจากมาสด้าแล้ว ไดฮัตซึ ซุซุกิ และฮีโน่ผู้พัฒนารถบรรทุกยังแสดงความตั้งใจในการเข้ารว่มพัฒนาอีกด้วย
อย่างไรก็ตาม การตัดสินใจเกี่ยวกับการเพิ่มบริษัทที่จะเข้าร่วมโครงการ รวมถึงการเพิ่มประเภทรถที่จะพัฒนา ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา สืบเนื่องจากโครงการนี้เองยังไม่สามารถประเมินยอดขาย มูลค่าการผลิต เงินทุน และเวลาที่ใช้ ทำให้น่าจับตามองว่าหลังจากนี้จะมีการแบ่งทรัพยากรมาจากโครงการสำนักงาน EV ไหม หรือจะมีการร่วมมือจากผู้ผลิตรายเล็กหรือไม่อย่างใด