“สิงหเสนี กรุ๊ป” ตั้งโรงงานถุงมือยาง 6,000 ล้าน ในนิคมฯ ภาคใต้

อัปเดตล่าสุด 29 ก.ย. 2563
  • Share :

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เผยเอกชนรายใหญ่ทุ่มทุนเช่าที่ดินตั้งโรงงาน ในพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ จังหวัดสงขลา มูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ตอบรับนโยบายรัฐบาลในการสนับสนุนอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และรองรับผลผลิตยางพาราพื้นที่ภาคใต้กว่า 40,000 ตันต่อปี ยกระดับยางพาราสู่สินค้ามูลค่าสูง

นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ. ได้ลงนามในสัญญาเช่าที่ดิน กับบริษัท สิงหเสนี กรุ๊ป จำกัด ซึ่งร่วมทุนกับบริษัท แอทยีนส์ โกลบอล ลิงค์ จำกัด ในพื้นที่โครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา ในนิคมอุตสาหกรรมภาคใต้ ตำบลฉลุง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เนื้อที่ประมาณ 83 ไร่ เพื่อประกอบกิจการโรงงานผลิตถุงมือยางจากน้ำยางธรรมชาติ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอุปกรณ์ทางการแพทย์

โดยจะใช้น้ำยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักประมาณ 3,600 ตันต่อเดือน หรือประมาณ 43,200 ตันต่อปี ในพื้นที่จังหวัดสงขลา และจังหวัดใกล้เคียง เป็นการตอบสนองนโยบายรัฐบาลที่ส่งเสริมการลงทุนในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ และช่วยยกระดับผลผลิตยางพาราในพื้นที่ภาคใต้ให้เป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงขึ้น คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดดำเนินการได้ในช่วงเดือนเมษายน 2564

สำหรับการลงนามในสัญญาเช่าครั้งนี้ นอกจากจะผลิตถุงมือยางแล้ว บริษัทฯ ยังมีการจัดตั้งศูนย์การทดสอบและรับรองมาตรฐานผลิตภัณฑ์ถุงมือยาง ซึ่งเป็นความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการวิจัยยางธรรมชาติโปรตีนต่ำ เพื่อนำไปผลิตถุงมือยางธรรมชาติที่มีคุณสมบัติพิเศษในการเป็นถุงมือยางที่สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการวิจัยโครงการนี้เป็นเวลา 1 ปี

จากนั้นศูนย์ฯจะนำผลการวิจัยและนวัตกรรมที่ได้ไปพัฒนาผลิตภัณฑ์ยางพารา เพื่อใช้ในการผลิตสินค้าที่มีคุณภาพสูงและเพิ่มมูลค่าของสินค้า สามารถเป็นสินค้าส่งออกที่ได้มาตรฐานเป็นที่ยอมรับในตลาดสากล

สำหรับโรงงานแห่งนี้เป็นโรงงานผลิตถุงมือยาง ตั้งอยู่ในเขตประกอบการทั่วไป พื้นที่ประมาณ 83 ไร่ มูลค่าการลงทุนประมาณ 5,998 ล้านบาท และจะมีการจ้างแรงงานเพิ่มขึ้นในพื้นที่ประมาณ 2,000 คน ซึ่งเป็นการตอบโจทย์นโยบายรัฐบาลทั้งสองด้าน คือ การส่งเสริมและสนับสนุนให้ผู้ประกอบอุตสาหกรรมที่ใช้ยางพารามีความแข็งแกร่ง และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มผลิตภัณฑ์ยางจากกลางน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งจะส่งผลต่อเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม และนโยบายส่งเสริมการจ้างแรงงานหลังสถานการณ์โควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

โดยโรงงานแห่งนี้จะใช้น้ำยางธรรมชาติเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้า ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอุปสงค์ (Demand) การใช้น้ำยางพาราจากเกษตรกรในพื้นที่และในประเทศเพิ่มขึ้น ก่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับเกษตรกรผู้ปลูกยางพาราในประเทศไทย รวมทั้งเกิดการสร้างแรงงานท้องถิ่นอีกด้วย

สำหรับการลงนามในสัญญาเช่าที่ดิน มีระยะเวลา 20 ปี ซึ่งบริษัท สิงหเสนี กรุ๊ป จำกัด เป็นบริษัทเอกชนรายใหญ่ที่ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ และธุรกิจด้านพลังงาน โดยมุ่งเน้นการทำธุรกิจควบคู่ไปกับการดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันบริษัทฯ ได้ริเริ่มลงทุนในธุรกิจโรงงานผลิตถุงมือยาง และให้ความสนใจลงทุนในโครงการนิคมอุตสาหกรรมยางพารา เนื่องจากอยู่พื้นที่ยุทธศาสตร์ที่มีศักยภาพรองรับห่วงโซ่คุณค่า (Value Chain) ของอุตสาหกรรมยางพาราได้อย่างครบวงจรทั้งระบบโครงสร้างพื้นฐาน และระบบคมนาคมที่มีประสิทธิภาพเชื่อมโยงการขนส่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ