เกรท วอลล์ มอเตอร์ส (Great Wall Motors: GWM) เปิดตัว รถกระบะ POER ในมหกรรมยานยนต์ Auto China 2020

GWM เปิดตัว รถกระบะ POER จำหน่ายในตลาดเป้าหมายกลุ่มแรก พร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยอัจฉริยะ

อัปเดตล่าสุด 19 ต.ค. 2563
  • Share :
  • 2,373 Reads   

เกรท วอลล์ มอเตอร์ส (Great Wall Motors: GWM) เปิดตัว รถกระบะ POER ที่เพิ่งเปิดเผยชื่ออย่างเป็นทางการเมื่อไม่นานมานี้ในมหกรรมยานยนต์ Auto China 2020 มีแผนวางจำหน่ายในตลาดเป้าหมายกลุ่มแรก ได้แก่ ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ซาอุดีอาระเบีย และชิลี

รถกระบะ POER มาพร้อมฟีเจอร์ความปลอดภัยอัจฉริยะเพิ่มเติม ก้าวขึ้นเป็นรถกระบะพันธุ์ใหม่ที่เพียบพร้อมด้วยระบบอัจฉริยะและความปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทั่วโลก จุดแข็งของรถกระบะ POER อยู่ที่การนำเทคโนโลยีความปลอดภัยอัจฉริยะมาใช้มากขึ้น เพื่อมอบประสบการณ์การขับขี่อัจฉริยะยิ่งขึ้นให้แก่ผู้บริโภค และผลักดันให้ POER เป็นขุมพลังใหม่ของตลาดรถกระบะกระแสหลัก

ก่อนหน้านี้มีการประกาศไปแล้วว่ารถกระบะ POER มาพร้อมระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่อย่างระบบ Apple CarPlay, ระบบช่วยเตือนให้ขับรถอยู่ในเลน (Lane Keeping Assist: LKA) และระบบช่วยเตือนเมื่อขับรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning: LDW) นอกจากนี้ รถกระบะ POER ยังมีระบบเตือนเมื่อมีการจราจรตัดผ่านด้านหลังรถ (Cross Traffic Alert: CTA), ระบบเบรคฉุกเฉินอัตโนมัติ (Autonomous Emergency Braking: AEB) และระบบช่วยจำกัดความเร็วอัจฉริยะ (Intelligent Speed Assistance: ISA) โดยระบบช่วยเหลือผู้ขับขี่ชั้นนำเหล่านี้ล้วนเป็นเทคโนโลยีอัจฉริยะใหม่ล่าสุดที่ไม่เพียงเพิ่มความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมแกร่งความปลอดภัยโดยรวมด้วย ทั้งนี้ สเปคของรถกระบะ POER ในแต่ละประเทศจะมีการประกาศโดยประเทศนั้น ๆ

อย่างไรก็ตาม เมื่อไม่นานมานี้ GWM ได้ประกาศพลิกโฉมจากบริษัทยานยนต์จีนเป็นบริษัทเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก โดย GWM ได้พัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีด้านการวิจัยและพัฒนา ตลอดจนยกระดับศักยภาพด้านการผลิตอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับปรุงกระบวนการผลิตทุกส่วนอย่างครอบคลุม โดยมีเป้าหมายในการสร้างสรรค์ยานยนต์คุณภาพสูงที่มีเทคโนโลยีเหนือชั้น

รถกระบะ POER ผลิตที่โรงงานในนครฉงชิ่ง ซึ่งเริ่มเปิดสายการผลิตในปี 2562 ในฐานะฐานการผลิตครบวงจรแห่งที่ 5 ของ GWM นอกจากนั้นยังเป็นโรงงานอัจฉริยะที่มีกระบวนการผลิตอัจฉริยะ ระบบโลจิสติกส์อัจฉริยะ และการดำเนินงานด้วยระบบดิจิทัล รวมเป็นระบบสารสนเทศอัจฉริยะที่ประสานการวิจัยและพัฒนา การผลิต ห่วงโซ่อุปทาน การขาย ทรัพยากรมนุษย์ การเงิน และวัสดุเข้าด้วยกัน โดยเวิร์กช็อปงานเชื่อมโลหะของโรงงานแห่งนี้มีหุ่นยนต์เชื่อมโลหะ 98 ตัว ซึ่งมีอัตราการทำงานอัตโนมัติ 100% ขณะที่เวิร์กช็อปงานปั๊มขึ้นรูปโลหะมีสายการผลิตอัตโนมัติต่อเนื่องความเร็วสูง 2 สายการผลิต ซึ่งมีฟังก์ชัน Auto Die Change (ADC) ด้านเวิร์กช็อปประกอบรถยนต์มีระบบ Set Parts Supply (SPS) และ Automated Guided Vehicle (AGV) ซึ่งมีอัตราการทำงานอัตโนมัติ 70% นอกจากนี้ โรงงานยังใช้ระบบอื่น ๆ เช่น ระบบ Advanced Planning and Scheduling (APS) และระบบ Manufacturing Execution System (MES) เพื่อประสานการวางแผนการผลิต การควบคุมกระบวนการ การบริหารจัดการคุณภาพ การบริหารจัดการอุปกรณ์ การประสานงานด้านห่วงโซ่อุปทาน การเก็บรวบรวมข้อมูล และการประสานการทำงานของอุปกรณ์ เพื่อสร้างกระบวนการผลิตอัจฉริยะเต็มรูปแบบอย่างแท้จริง

 

อ่านเพิ่มเติม: