ตลาดรถไฟฟ้าอินเดียคึกคัก! Tesla ปะทะ Tata และ JSW MG
- Share :
การเข้ามาของ Tesla ของ Elon Musk ได้กระตุ้นตลาดรถไฟฟ้าในอินเดีย ให้เข้าสู่ยุคใหม่ของการแข่งขันกับคู่แข่งท้องถิ่น
14 สิงหาคม 2568 - เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์เผย Tesla เปิดโชว์รูมแรกในอินเดียเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สร้างความตื่นตัวและเพิ่มความคาดหวังต่ออนาคตของตลาด EV ในประเทศอินเดีย
ผู้บริโภคอินเดียเริ่มซื้อรถไฟฟ้าอย่างเงียบ ๆ แม้ตลาดยังเป็นกลุ่มเล็กในฐานะตลาดรถยนต์ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลก แต่การเติบโตเริ่มเห็นได้ชัด โดยเฉพาะการแข่งขันระหว่างผู้เล่นหน้าใหม่และ Tata Motors ซึ่งเคยครองตลาด
| Advertisement | |
|
|
JSW MG Motor India ซึ่งเป็นกิจการร่วมทุนระหว่างกลุ่ม JSW ของอินเดียและ SAIC Motor ของจีน กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว ขยายส่วนแบ่งตลาดจากต่ำกว่า 1% ในกุมภาพันธ์ 2020 เป็น 30% ในเดือนมิถุนายนปีนี้ ความสำเร็จมาจากการเปิดตัว Windsor EV ปลายปีที่แล้ว
ในขณะเดียวกัน ส่วนแบ่งตลาดของ Tata Motors ลดลงเกือบครึ่งเหลือ 38% ในเดือนกรกฎาคม แม้จะมียอดขายสูงสุดประจำเดือน
“ตลาดรถไฟฟ้าในอินเดียกำลังเติบโตทั้งฝั่งรถราคาประหยัดและรถระดับพรีเมียม” Puneet Gupta ผู้อำนวยการฝ่าย Mobility ของ S&P Global กล่าว
ผู้บริโภคอินเดียเริ่มพร้อมจ่ายมากขึ้น เน้นรถที่กว้างขวางสำหรับครอบครัวใหญ่และการเดินทางระยะไกล
- Tata Punch ราคาใกล้ 1 ล้านรูปี
- Tata Nexon ราคา 1.25–1.7 ล้านรูปี
- JSW MG Windsor ราคา 1.5–1.8 ล้านรูปี
- Mahindra BE 6e และ XEV 9e ราคา 1.89–2.19 ล้านรูปี
- Hyundai Creta EV เปิดตัวเดือนมกราคม
ยอดขายรถไฟฟ้าในอินเดียปี 2024 เพิ่มขึ้น 20% ปิดปีใกล้ 100,000 คัน แต่ยังคิดเป็นเพียง 2.4% ของยอดขายรถยนต์ทั้งหมด
การเติบโตที่ล่าช้านี้มาจากต้นทุนเริ่มต้นสูง โครงสร้างพื้นฐานการชาร์จจำกัด และความกังวลเรื่องระยะทางรัฐบาลอินเดียประกาศเร่งสร้างโครงข่ายชาร์จ EV ทั่วประเทศ เป้าหมายคือให้รถไฟฟ้าครอบคลุม 30% ของยอดขายรถโดยสารทั้งหมดภายในปี 2030
Tesla แม้ราคาสูงเริ่มต้น 6 ล้านรูปี แต่ยังได้รับความสนใจ
“Tesla แข่งขันกับรถหรูในอินเดีย” Suraj Ghosh นักวิเคราะห์อิสระกล่าว
ไม่ว่าจะขายได้มากน้อยเพียงใด ตลาด EV อินเดียชัดเจนว่าการแข่งขันกำลังรุนแรงขึ้น
“Tata Motors เคยเป็นผู้นำตลาด แต่ตอนนี้ผู้เล่นใหม่เข้ามา เราอาจเห็นผู้นำรายใหม่เกิดขึ้น” Ghosh กล่าว
Maruti Suzuki ประกาศแผนเปิดตัวรถไฟฟ้าของตัวเองภายในปี 2030
เมื่อเข้าสู่ตลาด การแข่งขันเรื่องปริมาณและความเข้าใจตลาดจะเป็นสนามใหม่สำหรับผู้ผลิตทุกคน
