ฮอนด้าเผชิญภัยคุกคามใหญ่จากผู้ผลิต EV จีน มากกว่าภาษีสหรัฐและวิกฤตชิปขาดแคลน
แม้ภาษีสหรัฐและปัญหาชิปจะกดดันผลประกอบการ แต่การแข่งขันรุนแรงจาก BYD และค่ายรถจีนทั่วเอเชียคือความเสี่ยงระยะยาวที่ฮอนด้าต้องเร่งรับมือ
ฮอนด้า (Honda) จำต้องปรับลดประมาณการกำไรในปีงบประมาณสิ้นสุดมีนาคม 2026 ลงถึง 20% เหตุจากต้นทุนพิเศษด้านรถยนต์ไฟฟ้า (EV) และการขาดแคลนชิ้นส่วนที่ใช้ชิปจาก Nexperia ผู้ผลิตในเนเธอร์แลนด์ที่ถูกรัฐบาลดัตช์เข้าควบคุมกิจการเมื่อวันที่ 30 กันยายนที่ผ่านมา
บริษัทยังคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากมาตรการภาษีสหรัฐสูงถึง 385,000 ล้านเยน แม้จะต่ำกว่าประมาณการก่อนหน้าที่ 450,000 ล้านเยน ส่งผลให้หุ้นฮอนด้าร่วงลงถึง 4.7% ในวันจันทร์อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์มองว่าความเสี่ยงระยะยาวที่รุนแรงกว่า คือการแข่งขันที่ทวีความดุเดือดจากผู้ผลิต EV จีนในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะ BYD
| Advertisement | |
ฮอนด้าสูญเสียความได้เปรียบในภูมิภาคที่เคยครองตลาด
(10 พ.ย.68) รอยเตอร์เผยว่า ฮอนด้าได้รับผลกระทบจากการแข่งขันด้านราคาอย่างหนักในภูมิภาคนี้ นายโนริยะ ไคฮาระ (Noriya Kaihara) รองประธานบริหาร ยอมรับว่า
“ในตลาดอย่างประเทศไทย การแข่งขันรุนแรงมาก และเราสูญเสียความได้เปรียบด้านราคา”
แรงกดดันนี้ทำให้ผู้ผลิตญี่ปุ่นต้องเพิ่มโปรโมชั่นและลดราคาขาย ส่งผลให้กำไรต่อคันลดลงอย่างต่อเนื่อง
ยอดขายฮอนด้าในเอเชียรวมจีนถูกปรับลดเป้าหมายลงกว่า 10% เหลือ 925,000 คัน โดยยอดขายลดลงในหลายประเทศ
- อินโดนีเซีย: ลดลงเกือบ 30%
- มาเลเซีย: ลดลง 18%
- ไทย: ลดลง 12%
ฮอนด้าไม่มีแผนเปิดตัวรุ่นใหม่ในภูมิภาคนี้จนถึงปีงบประมาณหน้า ยกเว้นการปรับโฉม Honda City ซึ่งอาจทำให้เสียพื้นที่ตลาดต่อคู่แข่งจีนมากยิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน คู่แข่งจากจีนเดินหน้ารุกตลาดอย่างรวดเร็ว อาศัยความได้เปรียบด้านราคา เทคโนโลยี และการแข่งขันที่รุนแรงในจีนจนต้องขยายตลาดสู่ต่างประเทศ
ฮอนด้าและผู้ผลิตญี่ปุ่นรายอื่นหันไปขยายฐานการผลิตในอินเดีย ซึ่งยังแทบไม่มีผู้ผลิต EV จากจีนเข้าไปแข่งขัน
ฮอนด้ายืนยันว่าจะใช้ตลาดอินเดียเป็นฐานผลิตและส่งออกรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ของบริษัท
ขณะที่ Toyota และ Suzuki ได้ประกาศลงทุนรวมกว่า 1.1 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อเพิ่มกำลังผลิตในอินเดียเช่นกัน
ปัญหาเชิงโครงสร้างของฮอนด้า: รถจักรยานยนต์กำไรสูง แต่รถยนต์ยังขาดทุน
นักวิเคราะห์ชี้ว่าโครงสร้างธุรกิจของฮอนด้ากำลัง “ไม่สมดุล” โดยผลประกอบการไตรมาสล่าสุดแสดงให้เห็นว่า
- ธุรกิจรถยนต์ ขาดทุนต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 3
- ขณะที่ธุรกิจมอเตอร์ไซค์ทำกำไรสูงสุดเป็นประวัติการณ์
ฮอนด้ายังลดคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกลงเหลือ 3.34 ล้านคัน จากเดิม 3.62 ล้านคัน โดย 110,000 คันมาจากผลกระทบการขาดแคลนชิปจาก Nexperia
ตลาดอเมริกาเหนือยังท้าทาย แม้ยอดขายเติบโต
แม้สหรัฐยังเป็นตลาดใหญ่สุดของฮอนด้า (42% ของยอดขายทั้งหมด และโตขึ้น 4% YoY) แต่ปัญหาชิปทำให้โรงงานในเม็กซิโกต้องหยุดผลิต รวมถึงมีการปรับกำลังผลิตในสหรัฐและแคนาดา คาดว่าจะกระทบกำไรอีก 150,000 ล้านเยน
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH

