เบนซ์ชิงธงผู้นำรถยนต์ไฟฟ้า ส่ง “อีคิวซี” ชิมลางก่อนโรงงานแบตเดินเครื่อง

อัปเดตล่าสุด 27 พ.ย. 2561
  • Share :

“เบนซ์” ชูธงผู้นำรถอีวี เล็งนำเข้า “อีคิวซี” ปูทางก่อนโรงงานผลิตแบตเตอรี่เดินเครื่องปีหน้า พร้อมอวดโฉมรถยนต์ไฟฟ้าอีคิวเอในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป

นายโรลันด์ โฟลเกอร์ ประธานบริหาร บริษัท เมอร์เซเดส-เบนซ์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทมีความมั่นใจอย่างยิ่งว่าอนาคตรถยนต์ไฟฟ้าจะได้การตอบรับจากกลุ่มลูกค้าในประเทศไทย หลังจากรัฐบาลไทยมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมเต็มที่ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้แนะนำรถยนต์ในกลุ่มไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริดออกสู่ตลาดก็ได้การตอบรับเป็นอย่างดี ทำให้วันนี้เมอร์เซเดส-เบนซ์พร้อมที่จะนำเสนอทางเลือกให้กับลูกค้าอย่างต่อเนื่องทั้งในเทคโนโลยีจากเครื่องยนต์สันดาปภายใน ควบคู่ไปกับความพยายามนำเสนอเทคโนโลยีใหม่ ๆ โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งระหว่างทางก่อนที่จะก้าวไปก็มีไฮบริด และปลั๊ก-อิน ไฮบริดเป็นทางลือกเพื่อให้การต่อเชื่อมของเทคโนโลยีไร้รอยต่อ


ส่วนความคืบหน้าในการตัดสินใจยื่นขอรับการส่งเสริมการลงทุนจากบีโอไอ ภายใต้กรอบของรถยนต์ไฟฟ้านั้น ประธานบริหารกล่าวว่า บริษัทมีความสนใจ แต่ทั้งนี้ยังมีระยะเวลาอีกกว่า 1 เดือนในการพิจารณาและรอดูความชัดเจนจากภาครัฐ “เราคงไม่ได้ขอให้ภาครัฐต้องลงทุนสถานีชาร์จหรือระบบรองรับต่าง ๆ แต่สิ่งที่เราต้องการคือความแน่นอนและความชัดเจนในระยะยาว เพื่อให้ผู้ประกอบการกำหนดทิศทางได้ และผู้บริโภคเกิดความมั่นใจ”


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า แต่อย่างไรก็ตามเมอร์เซเดส-เบนซ์ ยังชูธงเป็นผู้นำรถยนต์ไฟฟ้าหรืออีวี ซึ่งกำลังพิจารณานำรถไฟฟ้ารุ่นอีคิวซี (EQC) ที่มีการผลิตเพื่อจำหน่ายในบางประเทศแล้วเข้ามาจำหน่าย คาดว่าภายในปี 2562 น่าจะเป็นรูปธรรมชัดเจน และเพื่อให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการทำตลาด ล่าสุดบริษัทยังได้นำรถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบ “อีคิวเอ” (EQA) มาโชว์ในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2018 นี้ ซึ่งรถคันนี้มาพร้อมกับมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัน ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 200 กิโลวัตต์ 268 แรงม้า ขับเคลื่อน4 ล้อ ความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำได้ในเวลาเพียง 5 วินาที และยังวิ่งได้ไกลถึง 400 กิโลเมตร มาโชว์ให้กับลูกค้าชาวไทยได้สัมผัส

 

“อนาคตเมอร์เซเดส-เบนซ์มีแผนที่จะผลิตออกมาเพื่อจำหน่ายจริงด้วย”

นายโฟลเกอร์กล่าวอีกว่า ภายในปี พ.ศ. 2565 เมอร์เซเดส-เบนซ์กำหนดว่าจะต้องมีรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าอย่างน้อย 1 รุ่นในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ตั้งแต่รถยนต์แบรนด์สมาร์ทไปจนถึงรถยนต์อเนกประสงค์ขนาดใหญ่ รวมถึงกำลังวางแผนจะนำเสนอรถยนต์ไฟฟ้ามากกว่า 50 รุ่นย่อยอีกด้วย เนื่องจากปัจจุบันเมอร์เซเดส-เบนซ์ มียอดขายรถยนต์ไฟฟ้าคิดเป็น 5% ของยอดขายทั้งหมด

ส่วนประเทศไทยนั้น ปัจจุบันมีสัดส่วนการจำหน่ายรถปลั๊ก-อิน ไฮบริด อยู่ที่ 40% และเครื่องยนต์สันดาปภายใน 60% หลังจากบริษัทได้ทำการตลาดรถยนต์ปลั๊ก-อินไฮบริด ภายใต้ชื่อว่า “EQ Power” และแนะนำรถยนต์ปลั๊ก-อิน ไฮบริดรุ่นแรกไปเมื่อต้นปี พ.ศ. 2559 ทางบริษัทได้มีการแนะนำรถยนต์รุ่นอื่น ๆ ตามมาอย่างต่อเนื่อง

ด้านความคืบหน้าหลังจากบริษัทได้รับการส่งเสริมการลงทุนมูลค่ากว่า 1,180 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (กว่า 1 พันล้านยูโร) เพื่อสร้างโรงงานแบตเตอรี่ในประเทศไทย และถือเป็น 1 ใน 4 ของเครือข่ายการผลิตแบตเตอรี่ทั่วโลกของเมอร์เซเดส-เบนซ์ ทั้งเยอรมนี สหรัฐอเมริกา และจีน เพื่อตอบสนองความต้องการในตลาดอย่างยืดหยุ่นและมีประสิทธิภาพเช่นเดียวกับการผลิตรถยนต์ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดโลก โดยภายในปีหน้าโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทยมีแผนจะเริ่มเดินสายการผลิตได้อย่างแน่นอน

และเพื่อรองรับการเติบโตของรถยนต์แบรนด์ EQ Power บริษัทยังได้เตรียมลงทุนสร้างสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้ารวมทั้งสิ้นกว่า 200 จุด ครอบคลุมทั้งผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการทั้ง 32 แห่งทั่วประเทศ โรงแรม และศูนย์การค้าชั้นนำ นอกจากนี้ ยังมีรายงานยอดการจำหน่ายของรถยนต์พรีเมี่ยมในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมานั้น (ม.ค.-ก.ย.) มียอดขายทั้งสิ้น 22,000 คัน โต 7% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยเมอร์เซเดส-เบนซ์มียอดขายในช่วง 10 เดือนทั้งสิ้น 12,000 คัน