Tesla เผชิญวิกฤตยอดขาย! ส่งมอบไตรมาส 2 ดิ่งลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส

Tesla เผชิญวิกฤตยอดขาย! ส่งมอบไตรมาส 2 ดิ่งลงต่อเนื่อง 2 ไตรมาส

อัปเดตล่าสุด 2 ก.ค. 2567
  • Share :
  • 1,107 Reads   

บริษัท Tesla ซึ่งเป็นผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอันดับต้น ๆ ของโลก คาดว่าจะมีการส่งมอบรถยนต์ลดลง 6% ในไตรมาส 2 ซึ่งเป็นการลดลงสองไตรมาสติดต่อเป็นครั้งแรก สาเหตุมาจากยอดขายที่ชะลอตัวในจีนและความต้องการลดลง เนื่องจากไม่มีรถยนต์รุ่นใหม่ราคาประหยัด

Advertisement

1 กรกฎาคม 2567 รายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์สอ้างอิงการประมาณการของนักวิเคราะห์ 12 คน ชี้ว่า Tesla น่าจะส่งมอบรถยนต์ได้ประมาณ 438,019 คันในช่วงเดือนเมษายนถึงมิถุนายน โดย 7 คนจากนักวิเคราะห์ทั้งหมด ปรับลดประมาณการลงในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

การส่งมอบรถยนต์ที่ลดลงถือเป็นอุปสรรคสำคัญสำหรับ Tesla หลังจากที่บริษัทประสบความสำเร็จในการเติบโตอย่างรวดเร็วมาหลายปี จนกลายเป็นบริษัทยานยนต์ที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก ทั้งนี้ Tesla เคยเตือนไว้ก่อนหน้านี้ในเดือนมกราคมว่า ยอดส่งมอบรถยนต์ในปี 2567 จะเติบโต "น้อยลงอย่างเห็นได้ชัด" เนื่องจากแรงกระตุ้นจากการลดราคาที่ดำเนินมานานหลายเดือนกำลังหมดลง

นอกจากนี้ ปัญหายังมาจากการที่ผู้บริโภคหันไปซื้อรถยนต์ไฮบริด (HEVs) ที่มีราคาถูกกว่า ส่งผลให้ Tesla มีรถยนต์ค้างสต๊อกจำนวนมาก บริษัทพยายามกระตุ้นยอดขายด้วยการลดราคาและโปรโมชันต่าง ๆ เช่น การเสนอตัวเลือกทางการเงินที่ประหยัดกว่าและสัญญาเช่าซื้อ

เมื่อต้นปีที่ผ่านมา อีลอน มัสก์ ซีอีโอ ของ Tesla ยกเลิกแผนการผลิต “รถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ราคาประหยัด” และเปลี่ยนโฟกัสของบริษัทไปที่รถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนบางส่วนที่หวั่นเกรงว่า เทคโนโลยีรถยนต์ไร้คนขับนั้นยากต่อการพัฒนา

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนส่วนใหญ่ยังคงลงมติเห็นชอบกับเงินเดือนมูลค่า 5.6 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ของมัสก์ ในการประชุมผู้ถือหุ้นประจำปีเมื่อเดือนที่แล้ว

Dan Levy นักวิเคราะห์จาก Barclays คาดการณ์ว่า ยอดส่งมอบรถยนต์ในไตรมาส 2 จะลดลง 11% ซึ่งถือเป็นการลดลงมากที่สุดเท่าที่เคยมีมาของ Tesla เขากล่าวว่า “ผลการส่งมอบที่ไม่ดีนี้อาจทำให้ความสนใจกลับไปที่สภาพแวดล้อมพื้นฐานที่ท้าทายในปัจจุบันสำหรับ Tesla”

หุ้นของ Tesla ลดลงไป 25% ในปีนี้ นับเป็นหนึ่งในบริษัทที่มีผลงานแย่ที่สุดในดัชนี S&P 500 ทั้งนี้ แม้มัสก์จะคาดการณ์ในเดือนเมษายนว่า Tesla จะสามารถเพิ่มยอดขายได้ในปีนี้ เขาก็ได้ลดต้นทุนลงด้วยวิธีต่าง ๆ รวมถึงการปลดพนักงานจำนวนมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อทีมซูเปอร์ชาร์จ (Supercharger) ของ Tesla

หลังจากที่บริษัทผู้ผลิตรถยนต์จีนอย่าง BYD รายงานยอดขายที่แข็งแกร่งในไตรมาส 2 หุ้นของ Tesla ปิดตลาดวันจันทร์ที่ผ่านมาด้วยการเพิ่มขึ้น 6.1%

การออกแบบเดิม ๆ

นักวิเคราะห์บางรายคาดการณ์ว่า Tesla อาจจะมียอดขายประจำปีลดลงเป็นครั้งแรก ในช่วงไตรมาสแรก ยอดส่งมอบรถยนต์ลดลงมากที่สุดในรอบเกือบ 4 ปี และต่ำกว่าที่วอลล์สตรีทคาดการณ์

รอยเตอร์สรายงานในเดือนพฤษภาคมว่า Tesla กำลังพยายามที่จะประนีประนอมกับบริษัทลีสซิ่งรถยนต์บางแห่งในยุโรป หลังจากที่บริษัทลดราคาขายปลีกหลายครั้ง ส่งผลให้มูลค่ารถยนต์ในกลุ่มเช่าซื้อของบริษัทเหล่านั้นลดลง และบริการหลังการขายที่ล่าช้าและค่าซ่อมแซมที่แพง ทำให้ลูกค้าองค์กรไม่พอใจ

ในขณะที่คู่แข่งในจีนเปิดตัวรถยนต์รุ่นใหม่ราคาประหยัด แต่ Tesla ยังคงล่าช้าในการนำเสนอรถยนต์รุ่นใหม่สู่ตลาด เมื่อเดือนเมษายน มัสก์กล่าวว่า Tesla จะเปิดตัว “รถยนต์รุ่นใหม่” ในช่วงปลายปีนี้ รวมถึงรถยนต์ราคาประหยัด แต่ยังไม่มีการเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับราคา

Tesla ปรับโฉม Model 3 ซีดาน ใหม่ปลายปีที่แล้ว แต่ไม่ได้มีการเปลี่ยนแปลงดีไซน์ครั้งใหญ่ เช่นเดียวกับ Model Y รถ SUV ที่ขายดีที่สุด, Model S รถซีดานระดับพรีเมียม และ Model X SUV ที่ยังไม่มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญมานานหลายปี บริษัทเริ่มส่งมอบรถกระบะไฟฟ้าไซเบอร์ทรัคปลายปีที่แล้ว แต่คาดว่าจะยังไม่สามารถผลิตออกมามากได้จนถึงปี 2568 รถกระบะรุ่นนี้ยังคงมีปัญหาย้อนกลับจากการเรียกคืนรถและปัญหาด้านคุณภาพ

ในเดือนพฤษภาคม Tesla ได้ยกเลิกเป้าหมายการส่งมอบรถยนต์ 20 ล้านคันต่อปีภายในปี 2573 ในรายงานผลกระทบฉบับล่าสุด ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ หลังจากที่เคยประกาศเป้าหมายการเติบโตยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าประจำปี 50% มาหลายปี

Tesla คาดว่าจะเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับ (Robotaxi) ในวันที่ 8 สิงหาคม เพื่อกระตุ้นการใช้งานซอฟต์แวร์ Full Self-Driving แต่ยังไม่ชัดเจนว่าการผลิตจะเริ่มต้นเมื่อใดหรือจะมีการผลิตกี่คัน

#Tesla #ElectricVehicles #selfdriving #Robotaxi #ยอดขายรถเทสลา #รถยนต์ไฟฟ้า #Mreport #ข่าวอุตสาหกรรม
 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH