Samsung เผชิญวิกฤติ เร่งปฏิรูปด่วน! ช้ากว่าใครในสนาม AI เซมิคอนดักเตอร์

Samsung เผชิญวิกฤติ เร่งปฏิรูปด่วน! ช้ากว่าใครในสนาม AI เซมิคอนดักเตอร์

อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 2568
  • Share :

Samsung Electronics กำลังเผชิญความท้าทายครั้งใหญ่ แม้จะเป็นผู้นำในตลาด DRAM แต่กำลังถูก SK Hynix ไล่ตามอย่างกระชั้นชิด

28 มกราคม 2568 - ในธุรกิจรับจ้างผลิตเซมิคอนดักเตอร์ (foundry) ช่องว่างทางเทคโนโลยีระหว่าง Samsung Electronics กับ Taiwan Semiconductor Manufacturing Co. (TSMC) ก็กว้างขึ้นเรื่อย ๆ และการพลาดโอกาสในตลาดชิป AI ทำให้ Samsung เริ่มล้าหลัง จำเป็นต้องเร่งปฏิรูปองค์กรอย่างเร่งด่วน

Advertisement

 

สัญญาณความเปลี่ยนแปลง: ประท้วงครั้งแรกในประวัติศาสตร์

“Samsung เป็นบริษัทที่มีวัฒนธรรมองค์กรแบบทหาร ผมไม่เคยคิดเลยว่าจะมีการประท้วงเกิดขึ้น” แหล่งข่าววงในกล่าวถึงการนัดหยุดงานของพนักงานฝ่ายเซมิคอนดักเตอร์ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของบริษัท ซึ่งเกิดขึ้นในปี 2024 เนื่องจากข้อพิพาทด้านค่าจ้างและสวัสดิการ ปรากฏการณ์นี้สะท้อนว่ามีบางสิ่งผิดปกติภายในองค์กรที่เคยแข็งแกร่งภายใต้ภาวะผู้นำที่เด็ดขาดของ Samsung

ผลประกอบการดีขึ้น แต่ยังต่ำกว่าคาด

แม้ผลประกอบการรวมของปีงบประมาณ 2024 จะเติบโต 16% อยู่ที่ 300.8 ล้านล้านวอน และกำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นห้าเท่าเป็น 32.73 ล้านล้านวอน แต่ก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ การฟื้นตัวของตลาดช่วยหนุนธุรกิจเซมิคอนดักเตอร์ให้ดีขึ้น แต่ยังไม่เพียงพอที่จะทำให้ Samsung กลับมาเป็นผู้นำ

พลาดโอกาสในชิป AI และปัญหาในธุรกิจ Foundry

หนึ่งในปัจจัยที่ทำให้ Samsung ตกที่นั่งลำบากคือการพัฒนาหน่วยความจำแบนด์วิดท์สูง (HBM) ที่ล่าช้ากว่า SK Hynix ซึ่งกลายเป็นซัพพลายเออร์หลักให้กับ Nvidia ที่มีความต้องการ HBM สูง แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมระบุว่า “HBM เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าเพิ่มสูงใกล้เคียงกับชิปตรรกะ (logic semiconductor) มากกว่าหน่วยความจำทั่วไป ทำให้สามารถทำกำไรได้มาก”

ขณะที่ธุรกิจ foundry ก็เผชิญแรงกดดันมหาศาล แม้ Samsung จะพยายามพัฒนาให้เป็นธุรกิจหลักคู่กับหน่วยความจำ แต่ TSMC ยังคงครองส่วนแบ่งตลาด 60% และ Samsung ไม่สามารถดึงลูกค้ารายใหญ่ เช่น Apple และ Nvidia เข้ามาได้ แม้จะเป็นผู้นำในการผลิตทรานซิสเตอร์โครงสร้างใหม่ gate-all-around (GAA) ในกระบวนการ 3 นาโนเมตร แต่ก็ยังประสบปัญหาเรื่องอัตราผลิตภัณฑ์สำเร็จ (yield) ที่ต่ำ ทำให้ต้นทุนการผลิตสูง และไม่สามารถดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ได้

ผลกระทบต่อการลงทุนและโอกาสในอนาคต

ความล่าช้าในการพัฒนาดังกล่าวอาจส่งผลกระทบต่อแผนการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ผู้บริหารบริษัทอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายหนึ่งเผยว่า “แผนการลงทุนของ Samsung กำลังล่าช้า และอาจมีการปรับลดงบลงทุน” ขณะที่สื่อเกาหลีใต้บางแห่งรายงานว่า Samsung อาจลดการลงทุนในธุรกิจ foundry ในปี 2025 ซึ่งอาจกระทบถึงอุตสาหกรรมอุปกรณ์การผลิตเซมิคอนดักเตอร์ของญี่ปุ่นด้วย
อย่างไรก็ตาม หากการลงทุนในเซิร์ฟเวอร์ AI ทั่วโลกเพิ่มขึ้น ความต้องการ HBM จะสูงขึ้นตามไปด้วย และ SK Hynix กับ Micron อาจไม่สามารถผลิตได้เพียงพอ แหล่งข่าวในอุตสาหกรรมกล่าวว่า “Samsung อาจยังมีโอกาสพลิกเกม ถ้าสามารถเร่งพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัดเทียมคู่แข่งและใช้จุดแข็งด้านกำลังการผลิตมหาศาลให้เกิดประโยชน์”

#Samsung #AI #Semiconductor #ChipWar #Technology #MReport #ข่าวอุตสาหกรรม

ที่มา: Nikkan Kogyo Shimbun

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH