ไทยต้องปรับตัว! พาณิชย์เผยเยอรมนีออก กม.หนุนสินค้าทำจากพลาสติกรีไซเคิล

ไทยต้องปรับตัว! พาณิชย์เผยเยอรมนีออก กม.หนุนสินค้าทำจากพลาสติกรีไซเคิล

อัปเดตล่าสุด 28 ม.ค. 2562
  • Share :
  • 805 Reads   

นางสาวปิตินันทน์ สมานวรวงศ์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครแฟรงก์เฟิร์ต เปิดเผยว่า ขณะนี้เยอรมนีมีการผลิตและมีความต้องการใช้พลาสติกเป็นจำนวนมาก โดยในปี 2559 ชาวเยอรมันทิ้งบรรจุภัณฑ์พลาสติกมากขึ้น สินค้าส่วนใหญ่ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น อาหารสำเร็จรูป หรืออาหาร To-Go ยังก่อให้เกิดขยะพลาสติก เป็นจำนวนมาก

นางสาวปิตินันทน์กล่าวว่า ประเทศเยอรมนี มีการแยกขยะเป็นหลายประเภท เช่น ขยะกระดาษ ขยะเปียก ขยะพลาสติก ซึ่งขวดน้ำดื่มพลาสติก เป็นขยะที่ผู้ส่งออกและบริษัทผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติก สามารถนำไปจำหน่ายต่อหรือนำไปรีไซเคิลได้ คิดเป็น 70% อย่างไรก็ตาม ในประเทศเยอรมนียังมีขยะพลาสติกอีก 30% ที่ไม่ได้รีไซเคิลหรือถูกทิ้งลงลานขยะ โดยเมื่อวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา รัฐบาลเยอรมนี ได้ออกกฎหมายใหม่ส่งผลให้บริษัทต่างๆ อุตสาหกรรมและผู้นำเข้าของเยอรมนีต้องเพิ่มโควตาอัตราการรีไซเคิลของขยะกระดาษ แก้ว เหล็ก โลหะ และอะลูมิเนียม จาก 60% เป็น 75%

นางสาวปิตินันทน์กล่าวอีกว่า ในส่วนของขยะพลาสติก จาก 36% เป็น 63% ซึ่งเป็นอัตราที่รัฐบาลเยอรมนีตั้งไว้ ตั้งแต่ปี 2562-2565 โดยมีกฎหมายทั้งการลดค่าธรรมเนียมรีไซเคิล เพื่อให้ผู้ผลิตหันมาใช้บรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุธรรมชาติหรือบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ก็จะได้รับการลดค่าธรรมเนียมการรีไซเคิลจากกฎหมายด้วย การขยายค่าคืนขวด เป็นกฎหมายที่ส่งผลต่อผู้บริโภคชาวเยอรมันโดยตรง โดยเฉพาะผู้ที่ซื้อน้ำผลไม้และผลิตภัณฑ์นมวัวที่บรรจุในขวดพลาสติก เมื่อรับประทานเสร็จสามารถเอาขวดไปคืนยังสถานที่ที่กำหนด จะได้รับค่าคืนขวด 0.25 ยูโรต่อขวดพลาสติก และการทำสัญลักษณ์ใช้แล้วทิ้งบนเครื่องดื่มที่วางจำหน่ายอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตในประเทศเยอรมนี ต้องระบุสัญลักษณ์แยกประเภทระหว่างขวดพลาสติกใช้แล้วทิ้งกับขวดพลาสติกที่สามารถใช้ซ้ำได้ เพื่อเป็นการแสดงให้ผู้บริโภครู้ถึงประเภทของขวดพลาสติก

“ผู้ประกอบการ ผู้นำเข้า และอุตสาหกรรมในประเทศเยอรมนี จำเป็นต้องลงทะเบียนบรรจุภัณฑ์ทุกชนิด ตามกฎหมายเพื่อส่งเสริมการลดขยะ พลาสติก การนำเข้าหรือจำหน่ายบรรจุภัณฑ์ใดๆ ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากศูนย์ลงทะเบียนบรรจุภัณฑ์ จะโดนปรับไม่เกิน 200,000 ยูโร” นางสาวปิตินันทน์กล่าว

นางสาวปิตินันทน์กล่าวว่า ทางสำนักงานฯเห็นความสำคัญของการส่งเสริมการลดปริมาณขยะให้ลดลง จึงอยากเสนอแนะและเชิญชวนให้ผู้ประกอบการหรือผู้ผลิตไทยพิจารณาถึงการผลิตผลิตภัณฑ์ประเภทพลาสติก ให้สามารถนำมารีไซเคิลได้หรือใช้แล้วทิ้ง เพื่อเป็นการรณรงค์รักษาสิ่งแวดล้อมและลดปริมาณขยะให้น้อยลงในประเทศ ทั้งช่วยทำให้ประชาชนสามารถแยกประเภทพลาสติกที่นำมาใช้ได้และไม่ได้ หากผู้ประกอบการหันมาผลิตสินค้าที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล จะเป็นการเพิ่มทางเลือกให้มากขึ้นในการส่งออกสินค้า โดยเฉพาะหากส่งออกไปยังประเทศเยอรมนี ที่มีนโยบายสนับสนุนการใช้พลาสติกรีไซเคิลและพลาสติกที่ใช้แล้วทิ้ง