MZ01 หุ่นยนต์ 6 แกน ขนาดเล็กที่สุดในโลก จาก Nachi Robot เทคโนโลยีห้ามพลาดในงาน Manufacturing Expo 2019

อัปเดตล่าสุด 22 มิ.ย. 2562
  • Share :

เทคโนโลยีห้ามพลาดนาทีนี้ คือ MZ01 หุ่นยนต์ 6 แกนที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก สำหรับกระบวนการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และชิ้นงานขนาดเล็กอื่นๆ สัมผัสตัวจริงและชมสาธิตการทำงานของ MZ01ได้ที่บูธ Nachi Robot, Hall 101, Booth No. 1G23 ภายในงาน Intermold Thailand 2019 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ Manufacturing Expo มหกรรมเครื่องจักร-เทคโนโลยี เพื่ออุตสาหกรรมการผลิตและสนับสนุนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 19-22 มิถุนายน 2562 เวลา 10.00 - 18.00 น. ณ ศูนย์นิทรรศการไบเทค บางนา

Mr. Akira Takarajima รองประธาน บริษัท นาชิ เทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวออนไลน์ M Report ว่า "ปีนี้เป็นอีกปีที่ความต้องการชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ในหลายอุตสาหกรรมเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งสงครามการค้าจีน-สหรัฐ ส่งผลให้ผู้ผลิตชิ้นส่วนในจีนหลายราย ตัดสินใจย้ายฐานการผลิตมายังประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำมาซึ่งการลงทุนในภูมิภาคที่สูงขึ้น รวมถึงประเทศไทยเองก็ได้รับอานิสงส์นี้ด้วย"

สำหรับในงานครั้งนี้ Nachi ได้นำ "MZ01 หุ่นยนต์แบบ 6 แกน ที่มีขนาดเล็กที่สุดในโลก" มาเปิดตัว โดย MZ01 เป็น Compact Robot ที่มีขนาดเล็ก กะทัดรัด ประหยัดพื้นที่ เหมาะสำหรับการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ชิ้นส่วนขนาดเล็ก รวมถึงชิ้นงานอื่นๆ โดดเด่นด้วยแขนหุ่นยนต์ที่ทำงานด้วยความเร็วและความแม่นยำสูง (High Speed and High Precision) รองรับน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัม รวมถึงคุณสมบัติในการเคลื่อนที่แบบ 6 ทิศทาง นอกจากนี้ ระยะการทำงานของหุ่นยนต์ใช้พื้นที่เท่ากับการทำงานของมนุษย์ จึงประหยัดพื้นที่สายการผลิตในโรงงานได้อีกด้วย 

อีกไฮไลท์ที่ Nachi นำมาจัดแสดงและสาธิตในครั้งนี้ คือ "CZ10 NACHI Cobot" หุ่นยนต์ปฏิบัติงานร่วมกับมนุษย์ได้อย่างปลอดภัย (Collaborative Robot) แขนหุ่นยนต์ได้รับการออกแบบมาให้เพรียวบาง สร้างความรู้สึกเป็นมิตร โครงสร้างแขนหุ่นยนต์ถูกออกแบบให้เคลื่อนไหวในทิศทางเดียวกับแขนของมนุษย์ จึงป้องกันไม่ให้แขนหุ่นยนต์และแขนเพื่อนร่วมงานเคลื่อนที่ในทิศทางที่ไขว้ขวางกัน จึงสร้างความรู้สึกปลอดภัยที่จะมีเพื่อนร่วมงานเป็นหุ่นยนต์ นอกจากนี้ หุ่นยนต์จะหยุดการทำงานทันทีเมื่อมีการปะทะกับเพื่อนร่วมงาน จึงนำมาซึ่งความไว้วางใจที่สูงยิ่งขึ้นอีกด้วย

Mr. Akira Takarajima กล่าวต่อว่า ในช่วงนี้ ประเทศไทยมีอัตราการเกิดของประชากรที่ลดน้อยลงกว่าช่วง 20 ปีก่อนอย่างเห็นได้ชัด นำมาซึ่งปัญหาการขาดแคลนแรงงานที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น รวมไปถึงการขึ้นค่าแรงงานที่เพิ่มขึ้นเป็นระยะ จึงมีความเห็นว่า การลงทุนระบบอัตโนมัติ ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รักษามาตรฐานการผลิตได้ตั้งแต่งานชิ้นแรกจนถึงงานชิ้นสุดท้าย และด้วยหุ่นยนต์รวมถึงระบบอัตโนมัตินี้จะทำให้สามารถเปิดสายการผลิตตลอด 24 ชั่วโมงจึงมีความยืดหยุ่นต่อการเติบโตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ ยังสามารถควบคุมต้นทุนได้ ไม่ต้องเผชิญกับปัญหาด้านแรงงาน ทักษะ และการปรับขึ้นค่าแรงงาน จึงนับเป็นสิ่งที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไปสำหรับอนาคตของอุตสาหกรรมการผลิต ซึ่งผู้ประกอบการไทยต้องเริ่มนำมาใช้ เพราะจะทำให้ธุรกิจของตนแข่งขันได้ในตลาดทั้งจากความได้เปรียบในด้านต้นทุนและคุณภาพสินค้า