เกาะแผนธุรกิจ ค่ายรถญี่ปุ่น 2019 (1)
6 จาก 7 ค่ายรถยนต์นั่งส่วนบุคคลญี่ปุ่นคาด ปีงบประมาณ 2019 จะสามารถทำยอดขายยานยนต์ทั่วโลกได้เพิ่มขึ้น โดย Toyota คาดว่าจะสามารถทำยอดได้ดีในจีน ในขณะที่ Mazda และ Subaru เล็งไปที่ตลาดสหรัฐ ส่วนในด้านการเติบโตในระยะกลางนั้น Nissan ได้ทำการปรับแก้ยอดประมาณการณ์ขั้นต่ำใหม่ ส่วน Honda ก็ประกาศลดจำนวนโมเดลยานยนต์ของค่ายลง โดยให้เหตุผลร่วมกันว่า “จะเน้นคุณภาพแทนจำนวน”
คาดการณ์ว่า ยอดขายรวมทั่วโลกของทั้ง 7 ค่าย จะอยู่ที่ 28,758,000 คัน เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 0.6% แม้ว่าในตลาดหลักอย่างจีน และสหรัฐ จะมีการชะลอตัวของความต้องการยานยนต์ก็ตาม
ปัจจุบัน Toyota ยังไม่เปิดเผยแผนธุรกิจในจีนประจำปีงบประมาณนี้ อย่างไรก็ตาม Mr. Masayoshi Shirayanagi เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารของบริษัท รายงานว่ายอดขายที่เพิ่มขึ้นในปีงบประมาณที่แล้วส่วนใหญ่มาจากจีน และจะมุ่งทำตลาดด้วยยานยนต์ขนาดเล็ก ซึ่งมีความต้องการจากชุมชนเมืองสูง
ส่วนในสหรัฐนั้น Mazda วางแผนเปิดตัวยานยนต์โมเดลใหม่ที่ติดตั้งเทคโนโลยีล่าสุดเอาไว้ ส่วน Subaru ก็มีกำหนดเปิดตัว SUV “Outback” โมเดลใหม่ในช่วงปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีปัญหาอย่างหนึ่ง คือจะทำอย่างไร จึงจะสามารถเพิ่มแรงจูงใจของผู้บริโภคในสหรัฐได้
ในอีกด้านหนึ่ง Nissan ได้ทำการปรับแผนธุรกิจระยะกลางของตนใหม่ มุ่งปรับผังธุรกิจ และลดจำนวนการผลิตลง ส่วน Honda จะลดจำนวนโมเดลรถทั่วโลกลง 1 ใน 3 ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนการผลิตได้มากถึง 10% ไปจนถึงปี 2025
Mazda ตั้งเป้ายอดขายในปีงบประมาณ 2025 ไว้ที่ 1.8 ล้านคัน ลดลงจากปีงบประมาณ 2024 ซึ่งตั้งไว้ที่ 2 ล้านคัน ส่วน Mitsubishi นั้น CEO Masuko Osamu กล่าวชี้แจงถึงแผนการหลังจากนี้ว่า “จะพักเรื่อการเติบโตแบบก้าวกระโดดเอาไว้ก่อน และเน้นไปที่การทำกำไรอย่างมั่นคงแทน”
โดยปัจจัยหลัก ที่ทำให้ค่ายรถญี่ปุ่นเดินหน้าเช่นนี้ เกิดจากความชะลอตัวของความต้องการยานยนต์ในตลาดโลก นำมาซึ่งคำถามที่ว่า รถแต่ละแบรนด์ จะยังสามารถขายได้โดยไม่ต้องลดราคา หรือคุณค่าของแบรนด์หรือไม่ อีกทั้งยังความจำเป็นในการแบ่งงบประมาณไปใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยีรถยนต์ไฟฟ้าเพื่อไม่ให้น้อยหน้าคู่แข่ง ซึ่ง Mr. Seiji Kuraishi รองประธานบริษัท Honda กล่าวว่า “มาตรการด้านสิ่งแวดล้อมนี่เอง ที่ทำให้การยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นเรื่องที่ขาดไม่ได้”