ผู้ใช้ 5G รายใหญ่ที่สุดของโลก คือ เอเชีย
- Share :
เป็นที่แน่ชัดแล้วว่า 2020 คือปีที่เครือข่าย 5G กลายเป็นเทรนด์ไปทั่วโลก ในฐานะของเทคโนโลยีเครือข่ายความเร็วสูง ซึ่งมีคุณสมบัติเหมาะสมกับการนำไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานแห่งอนาคตทั่วโลก นำมาซึ่งความพยายามพัฒนาเทคโนโลยี และโครงสร้างที่รองรับในนานาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรืออาเซียน (ASEAN) ซึ่งมีปริมาณการรับส่งข้อมูลเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ โดยกระทรวงกิจการภายในประเทศและการสื่อสาร (Ministry of Internal Affairs and Communications) ประเทศญี่ปุ่น ได้จัดทำ “รายงานผลสำรวจและวิจัย สถานะปัจจุบันและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการวิเคราะห์โครงสร้างอุตสาหกรรม และความก้าวหน้าของ IoT และ AI ในการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4” พบว่า ภูมิภาคเอเชียจะมีปริมาณการใช้งาน 5G คิดเป็น 60% ในตลาดโลก ที่สำคัญ คือ อาเซียนจะเป็นแรงหนุนสำคัญ
ธุรกิจด้านโทรคมนาคมหลายราย แสดงความเห็นว่า อุปสรรคสำคัญที่สุดในการใช้ 5G คือการลงทุนอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งต้องใช้เครื่องมือจำนวนมาก ทำให้มีมูลค่าการลงทุนสูง หากไม่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลแล้ว ภาระย่อมตกที่ผู้ให้บริการเครือข่ายเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตาม หลายประเทศในภูมิภาคอาเซียนได้ให้ความร่วมมือกับ Huawei ซึ่งเป็นผู้เล่นรายใหญ่ในการพัฒนาเทคโนโลยี 5G และความคืบหน้าล่าสุดนี้ ผู้ผลิตอุปกรณ์รับส่งสัญญาณจำนวนหนึ่ง ได้ถูกเลือกเป็นซัพพลายเออร์ให้กับ Huawei แล้ว และมีแนวโน้มว่าในอนาคต จำนวนซัพพลายเออร์ในอาเซียนจะเพิ่มจำนวนขึ้นไปอีก
อย่างไรก็ตาม สงครามการค้าจีน-สหรัฐฯ ซึ่งมีมาตรการกีดขวางการส่งออกของ Huawei และขอให้ประเทศอื่นทำเช่นเดียวกันนั้น แม้เมื่อวันที่ 15 มกราคมที่ผ่านมา จะมีการบรรลุข้อตกลงขั้นต้น แต่สหรัฐฯ ยังคงมีท่าทีเฝ้าระวังต่อ Huawei เป็นพิเศษ เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย ซึ่งหากมาตรการกีดกันรุนแรงขึ้น อาจทำให้ราคาสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ 5G เพิ่มขึ้นตามไปด้วย และส่งผลกระทบต่อการพัฒนา 5G ในอาเซียนโดยตรง
แน่นอนว่า การนำ 5G มาใช้ไม่ได้จำกัดอยู่เพียงด้านโครงสรางพื้นฐาน แต่ยังนำไปสู่ภาคธุรกิจ และงานบริการอื่น ๆ อีกด้วย ยกตัวอย่างเช่น การนำ 5G มาใช้รับส่งข้อมูลทางการแพทย์ เพื่อให้การตรวจโรคของสถานพยาบาลแต่ละแห่งเพื่อลดความเหลื่อมล้ำลง การนำมาใช้คู่กับระบบนำทางยานยนต์ เพื่ออำนวยความสะดวกในการจราจร และอื่น ๆ อีกมาก
