เวียดนาม ตลาดไอที โอกาสธุรกิจไทยในเวียดนาม การลงทุนและจ้างงานแบบ BPO

ตลาดไอทีเวียดนาม โอกาสธุรกิจไทยสู่การลงทุนและจ้างงานแบบ BPO

อัปเดตล่าสุด 24 ม.ค. 2563
  • Share :

ประเทศที่เป็นผู้นําด้านการจ้างงานคนนอกดําเนินธุรกิจบางส่วน หรือที่คุ้นหูกันในชื่อ BPO (Business Process Outsourcing) คือ อินเดีย ฟิลิปปินส์ และจีน ไม่ว่าจะเป็นการบริการในรูปแบบ call centers การบริการด้านธุรการ การออกแบบและวิศวกรรมซอฟต์แวร์ ฯลฯ ในขณะที่เวียดนามกําลังถูกจับตามองจากนานาประเทศในฐานะตลาด BPO โดยเฉพาะในด้านไอทีที่มีศักยภาพและกําลังเติบโต กอปรกับความพร้อมด้านแรงงานไอทีที่มีคุณภาพและราคาสมเหตุสมผล ทําให้เวียดนามกําลังก้าวขึ้นมาทัดเทียมรุ่นพี่อย่างประเทศอินเดีย จีนและฟิลิปปินส์

เวียดนามมีปัจจัยพื้นฐานที่สนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาด้านไอทีอย่างก้าวกระโดด ได้แก่ (1) นโยบายของรัฐบาลเวียดนามที่สนับสนุนการศึกษา STEM (Science, Technology, Engineering and Math) อย่างจริงจัง รวมถึงการตั้งเป้าหมายที่ชัดเจนในการผลิตแรงงานไอทีให้ได้ 1 ล้านคนภายในปี 2563 ซึ่งตาม สถิติปี 2561 เวียดนามสามารถผลิตบุคลากรด้านไอทีได้มากกว่าปีละ 40,000 คน (2) คุณลักษณะของแรงงาน เวียดนามที่ทุ่มเท ขยัน และตอบรับปรับตัวต่อเทคโนโลยีได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีวัฒนธรรมการทํางานที่ยืดหยุ่นกว่าบุคลากรจากประเทศอื่น (3) ภาคเอกชนด้านไอที่มีการบ่มเพาะบุคลากรด้านไอทีในระดับอาชีวะอย่างต่อเนื่อง เช่น กลุ่มบริษัท Viettel และ MISA โดยเฉพาะกลุ่ม FPT ผู้ดําเนินธุรกิจด้านโทรคมนาคมรายใหญ่ ซึ่งได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยเน้นการเรียนการสอนสายวิชาชีพ (FPT University) ที่มุ่งบ่มเพาะบุคลากรด้านคอมพิวเตอร์และซอฟท์แวร์โดยเฉพาะ (4) การขยายลงทุน FDI ของบริษัทด้านเทคโนโลยีในเวียดนามอย่างต่อเนื่อง เช่น Intel, IBM, Samsung, LG, Sharp, และ Microsoft ทําให้การพัฒนาภาคอุตสาหกรรมด้านวิจัย และพัฒนาทางเทคโนโลยีเติบโตสูงตามไปด้วย และ (5) ค่าแรงบุคลากรด้านไอทีของเวียดนามที่ถูกกว่าอินเดียประมาณร้อยละ 30-50 ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวทําให้ผู้ประกอบการหลายประเทศ เช่น เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น รวมถึงไทย หันมาใช้บริการ BPO โดยเฉพาะด้านไอทีจากเวียดนามเป็นทางเลือกมากขึ้น

 ผลการจัดอันดับด้านเทคโนโลยีและไอทีของเวียดนามดีขึ้นอย่างมีนัยยะสําคัญ นอกจากปัจจัยด้านต่าง ๆ ตามที่กล่าวข้างต้น เมื่อหันมาดูการจัดอันดับของสถาบันและบริษัทที่ปรึกษาต่างประเทศ จะพบว่า เวียดนามได้รับการจัดอันดับในด้านที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและไอทีที่สูงขึ้นอย่างมีนัยยะสําคัญ และอยู่ในอันดับต้น ๆ ของภูมิภาค

จากแบบสํารวจ CIO Global Survey ของบริษัท KPMG เมื่อปี 2562 พบว่าเวียดนามอยู่ในอันดับต้น ๆ ในด้านการรับมือกับการพัฒนาเทคโนโลยีได้ดีที่สุด โดยเป็นอันดับที่ 2 จาก 108 ประเทศในด้านการวางนโยบายรับมือความเปลี่ยนแปลงด้านเทคโนโลยี และเป็นอันดับที่ 3 ในด้านการประยุกต์ใช้เครื่องมืออัตโนมัติ (Automation) สําหรับปฏิบัติงานในหน่วยงานเพิ่มขึ้นมากที่สุด ทั้งนี้ ภาคธุรกิจในเวียดนามที่จัดสรรงบประมาณสําหรับการพัฒนาเทคโนโลยีไว้มากที่สุด ได้แก่ อุตสาหกรรมบันเทิง ภาคบริการด้านการเงิน และสื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ ผลจากการสํารวจมหาวิทยาลัยและหน่วยงาน/ธุรกิจด้านไอทีต่าง ๆ กว่า 150 แห่ง พบว่าร้อยละ 88 คาดการณ์ว่าธุรกิจด้านไอทีในเวียดนามจะเติบโตอีกอย่างน้อยร้อยละ 15 ต่อปี ในระยะเวลา 3 ปี ข้างหน้า และ World Economic Forum ได้จัดลําดับให้เวียดนามอยู่ใน 10 ประเทศอันดับต้นที่มีผู้สําเร็จการศึกษาด้านวิศวกรรมซอฟต์แวร์มากที่สุดในโลก
 
ทิศทางในอนาคต BPO ในเวียดนาม ความท้าทายและโอกาส ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ธุรกิจด้านไอทีของเวียดนามได้ปรับตัวจากการเขียนโปรแกรมและเขียนโค้ด (Coding) มาสู่การให้บริการที่หลากหลายมากขึ้น เช่น การสร้างผลิตภัณฑ์ด้านไอทีและใช้เทคโนโลยีในการสร้างมูลค่าเพิ่มในห่วงโซ่การผลิตโดยเฉพาะในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมการผลิตที่เพิ่มขึ้น ทําให้บริษัทต่างชาติ หันมาจ้างงานคนนอก (Outsource) ที่เป็นบุคลากรด้านไอที่จากเวียดนามมากขึ้น โดยเฉพาะสําหรับการพัฒนา เทคโนโลยี บริการด้านการเงิน การใช้เทคโนโลยีในสื่อและเกมส์ รวมถึงการวิจัยเทคโนโลยีแขนงใหม่ อาทิ (1) AI (2) Machine Learning และ (3) Blockchain เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม เวียดนามยังคงเผชิญความท้าทายสําคัญ อาทิ ถึงแม้ว่าบุคลากรเวียดนามจะมีความรู้ ความสามารถด้านไอที แต่ยังขาดทักษะในการสื่อสารโดยเฉพาะภาษาอังกฤษเมื่อเทียบกับบุคลากรจากฟิลิปปินส์ และอินเดีย นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่มีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ทําให้ผู้ให้บริการ BPO ต้องปรับตัวและพัฒนาบริการของตนให้เท่าทัน โดยเน้นบริการระดับกลางและสูง และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนควรจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาด้านเทคโนโลยีภายในหน่วยงานให้มากขึ้น และสร้างพื้นที่สําหรับการระดมความคิด (discussion platform) สําหรับนักพัฒนาด้านเทคโนโลยีด้วย
 
สุดท้ายนี้ ตามสถิติเมื่อปี 2560 รายได้จากธุรกิจ BPO ของเวียดนามคิดเป็นสัดส่วนเพียงร้อยละ 1 ของ GDP ของประเทศ มูลค่า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งยังน้อยกว่าอินเดีย จีน และประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อื่น ๆ อาทิ ฟิลิปปินส์ ซึ่งมีมูลค่าธุรกิจ BPO กว่า 2.2 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐอยู่มาก และเป็นตลาดธุรกิจ BPO ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

อย่างไรก็ดี เมื่อพิจารณาถึงปัจจัยด้านความพร้อมด้านทรัพยากรมนุษย์ การสนับสนุนที่จริงจังจากภาครัฐ การลงทุนจากต่างชาติที่เพิ่มสูงขึ้น และการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่องนั้น ทําให้เชื่อมั่นได้ว่าตลาดด้าน BPO และไอทีของเวียดนามจะมีโอกาสเติบโตสูงขึ้นอย่างมากในอนาคต จึงเป็นโอกาสสําหรับผู้ประกอบการไทยที่ต้องการจ้างงานคนนอกและสรรหาบุคลากร เพื่อดําเนินงานให้บริการด้านไอทีและพัฒนาเทคโนโลยีด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น tech solution หรือซอฟต์แวร์ ซึ่งไทยยังมีบุคลากรด้านไอทีภายในประเทศอย่างจํากัด เพื่อไทยและเวียดนามจะเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจร่วมกันอย่างมั่นคงและยั่งยืนต่อไป 


อ่านบทความและรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่: ศูนย์ธุรกิจสัมพันธ์ กรมเศรษฐกิจระหว่างประเทศ กระทรวงการต่างประเทศ www.globthailand.com