ปัจจุบัน ทางเลือกในการจ่ายเงินตามร้านสะดวกซื้อมีเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการจ่ายผ่านบาร์โค้ด,  เงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-Money), ร้านไร้แคชเชียร์, และอื่น ๆ ซึ่งเดิมทีล้วนแล้วแต่เป็นวิธีการที่พัฒนาขึ้นเพื่อตอบสนองกับปัญหาขาดแคลนแรงงาน และในทางปฏิบัติ ได้ส่งผลดีในด้านการประหยัดเวลาของลูกค้า และพนักงานอีกด้วย ซึ่งเหตุผลข้อนี้เอง ทำให้ร้านสะดวกซื้อต่างทุ่มเทแนวทางการจ่ายเงินที่รวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกค้าที่เข้ามาในร้าน

ในส่วนของร้านไร้แคชเชียร์นั้น ลูกค้าสามารถชำระค่าสินค้าและบริการได้ผ่านการสแกนบาร์โค้ด หรือ QR โค้ด ซึ่งในปัจจุบัน มีธนาคารที่รองรับการชำระเงินด้วยวิธีการนี้อยู่มาก ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ใช้ระบบปฏิบัติการณ์ใดก็สามารถเข้าถึงแอปพลิเคชันที่จำเป็นได้โดยง่าย นอกจากนี้ ผู้ให้บริการหลายราย ยังอำนวยความสะดวกที่มากยิ่งขึ้นให้กับลูกค้า โดยการให้อิสระลูกค้าในการเลือกช่องทางการชำระเงิน ว่าจะเป็นการหักจากบัญชีธนาคาร บัตรเครดิต หรือบัตรเดบิต

ผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระบบของ FamilyMart ให้สัมภาษณ์ว่า “การนำรูปแบบการชำระเงินต่าง ๆ เข้ามาใช้ นอกจากจะอำนวยความสะดวกให้ลูกค้า โดยลดเวลาการต่อคิวออกไปแล้ว ยังทำให้มีลูกค้าเข้ามาในร้านมากขึ้นด้วย” ซึ่งปัจจุบัน ในประเทศญี่ปุ่น FamilyMart มีร้านสะดวกซื้อไร้แคชเชียร์อยู่ภายในเมืองใหญ่รวมแล้ว 520 สาขา และตั้งเป้าเพิ่มเป็น 1,000 สาขาภายในปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2019

ส่วนทางด้าน “Amazon Go” ร้านสะดวกซื้อในเครือ Amazon นั้น ได้มีการนำระบบปัญญาประดิษฐ์ “Super Wonder Register” เข้าทดลองใช้ในสาขาตามสถานีรถไฟบางแห่ง 

ในขณะเดียวกัน ทาง Lawson นั้น แม้จะยังไม่พัฒนาถึงขั้นไร้แคชเชียร์ แต่ก็มีการนำระบบ “Lawson Smartphone Pay” เข้าใช้แล้วใน 11 สาขา โดย Lawson Smartphone Pay นี้ ช่วยให้ลูกค้าสามารถชำระเงินได้โดยการสแกนบาร์โค้ดของสินค้าโดยตรง ซึ่งผู้บริหารฝ่ายการตลาดของ Lawson ชี้แจงว่า “ทำให้ลูกค้าชำระเงินจากจุดไหนของร้านก็ได้ ซึ่งช่วยลดเวลาให้น้อยกว่าการเข้าคิวถึง 75%” 

อย่างไรก็ตาม ทุกบริษัทต่างประสบปัญหาเดียวกันในการพัฒนาร้านสะดวกซื้อไร้แคชเชียร์ โดยปัญหานั้นคือ “ลูกค้าไม่เข้าใจวิธีใช้” การจะพัฒนาให้ร้านสะดวกซื้อเข้าสู่ยุคสังคมไร้เงินสดได้อย่างเต็มตัวนั้น จึงต้องแก้ปัญหาในจุดนี้ให้ได้เสียก่อน