4 อุตสาหกรรม รับผลกระทบ ความขัดแย้งเกาหลีใต้-ญี่ปุ่น
ออกจาก “White Countries”
ความขัดแย้งเกาหลีใต้ - ญี่ปุ่น ยังไม่มีท่าทีจะจบลงโดยง่าย เมื่อญี่ปุ่นประกาศมาตรการควบคุมการส่งออกวัสดุกึ่งตัวนำ 3 ชนิดไปยังเกาหลีใต้ และพิจารณานำเกาหลีใต้ออกจากรายชื่อ “White Countries” ซึ่งเป็นการตอกย้ำถึงความไม้ไว้วางใจของรัฐบาลญี่ปุ่น สำหรับญี่ปุ่นแล้ว เกาหลีใต้เป็นคู่ค่าที่มีความสำคัญรองลงมาจากจีน และสหรัฐอเมริกาตามลำดับ หากเกาหลีใต้ถูกนำออกจากรายชื่อ White Countries จริง การส่งออก Machine Tools จะต้องผ่านการเห็นชอบจากรัฐบาลเสียก่อน หากท่าทีเช่นนี้ดำเนินต่อไป อุตสาหกรรมการผลิตจะต้องได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ Toshiba Memory มีลุ้น เกาหลีใต้ย้ำ ต้องระวังการเมือง
ปัจจุบัน Samsung Electric เป็นผู้นำตลาดโลกในด้านของ NAND Flash Memory ซึ่งการจำกัดการส่งออกวัสดุกึ่งตัวนำของญี่ปุนในครั้งนี้ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า Toshiba Memory ผู้ครองอันดับ 2 ในตลาด อาจมีสิทธิ์ขึ้นแท่นเป็นผู้นำตลาดแทน อย่างไรก็ตาม ใช่ว่าญี่ปุ่นจะไม่ได้รับผลกระทบ เนื่องจากโรงงานของ Micron Technology ผู้ผลิตค่ายสหรัฐที่เข้ามาตั้งในญี่ปุ่นจะได้รับอิทธิพลจากกำลังผลิต DRAM ของ Samsung ที่ลดลง
โดยวัสดุที่ถูกคุมเข้มการส่งออกในครั้งนี้ ประกอบด้วย Fluorinated Polyimide, Photoresist, และ Hydrogen Fluoride มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม โดยที่ผ่านมา เกาหลีใต้พึ่งพาการนำเข้าวัสดุเหล่านี้จากญี่ปุ่นเป็นหลัก ส่งผลให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีในประเทศเกาหลีใต้ได้รับผลกระทบเป็นอย่างยิ่ง
อย่างไรก็ตาม ผู้เกี่ยวข้องจากบริษัทเซมิคอนดักเตอร์ค่ายเกาหลีให้ความเห็นว่า “จะเป็นเพียงผลกระทบชั่วคราวเท่านั้น” สืบเนื่องจากราคาเซมิคอนดักเตอร์ที่เริ่มลดลงในช่วงกลางปี 2018 ในระยะสั้นจึงสามารถชดเชยด้วยการลดสต็อกสินค้า หรือปรับราคาได้ ในขณะที่ระยะยาว เกาหลีใต้ก็จะมีสหรัฐฯ เป็นทางเลือกแทนญี่ปุ่น
สถานการณ์ทางการเมือง เป็นอีกปัจจัยที่ทำให้คาดการณ์อนาคตหลังจากนี้ได้ยาก โดยในช่วงปลายปี 2019 นี้ ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า หลังการเปิดตัว iPhone รุ่นใหม่แล้ว รัฐบาลสหรัฐฯ จะมีท่าทีเช่นไรในด้านมาตรการการส่งออก เหมือนเช่นกรณีของ Huawei ซึ่งเกิดขึ้นอย่างกะทันหันโดยไม่มีท่าทีมาก่อน จึงกล่าวได้ว่า สถานการณ์อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ ขึ้นอยู่กับการเมืองระหว่างประเทศก็ว่าได้
อุตสาหรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ไม่กระทบ
TDK สำนักงานและฐานการผลิต Ferrite core และขดลวดสำหรับยานยนต์และสมาร์ทโฟน เพื่อป้อนตลาดเกาหลีใต้โดยเฉพาะ ได้แสดงความเห็นด้วยกับการคาดการณ์ที่ว่า อุตสาหรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ จะยังไม่ได้รับผลกระทบจากมาตรการส่งออกในระยะเวลาอันใกล้
Taiyo Yuden เป็นอีกรายที่แสดงความเห็นตรงกัน โดยระบุว่าการผลิตตัวเก็บประจุเซรามิกแบบหลายชั้น (MLCC) ยังไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด
อุตสาหกรรมยานยนต์ ยอดขายยากที่จะโตต่อ
หากญี่ปุ่นตัดสินใจนำชื่อเกาหลีใต้ออกจาก White Countries จริง คาดการณ์ว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ โดยการส่งออกที่จะได้รับผลกระทบมากที่สุดคือ Machine Tools และผลิตภัณฑ์เคมี ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบจากรัฐบาลก่อน แน่นอนว่า เกาหลีใต้เอง ก็มีแนวทางการโต้ตอบเอาไว้แล้วเช่นเดียวกัน ในขณะที่นักธุรกิจญี่ปุ่นหลายรายกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลในประเด็นนี้
ตลาดยานยนต์เกาหลีใต้ มียอดขายรถอยู่ที่ประมาณ 1.8 ล้านคัน หรือคิดเป็น 35% ของญี่ปุ่น ซึ่ง Kia Motors บริษัทในเครือ Hyundai Motor เป็นผู้ถือครองส่วนแบ่ง 70% ของตลาดเอาไว้ โดย Korea Automobile Importers & Distributors Association (KAIDA) รายงานว่า ค่ายรถญี่ปุ่นมีส่วนแบ่งในตลาดเกาหลีใต้อยู่ที่ 2.5% ในปี 2018 ซึ่งแม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก แต่ก็มีการเติบโตจากปีก่อน ๆ อย่างต่อเนื่อง จึงเป็นไปได้ยากว่า จะสามารถทำยอดเพิ่มได้หลังจากนี้ไป โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Nissan สืบเนื่องจากโรงงานผลิต SUV ของ Renault Samsung Motors ที่ตั้งอยู่ในเกาหลีใต้
ส่วนในตลาดโลกนั้น Hyundai ถูกกล่าวว่า “จะมาแทนที่รถญี่ปุ่นได้” ในตลาดสหรัฐฯ และจีน ในช่วงต้นปี 2010 อย่างไรก็ตาม ยอดขายในสหรัฐฯ ไม่ดีเท่าที่คาดการณ์ โดยมีส่วนแบ่งเพียง 3.9% ในปี 2018 จากเดิม 4.9% ในปี 2012 ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเป็นผลจากการตกเทรนด์ของ Hyundai จึงมีความเป็นไปได้ว่า ส่วนแบ่งในจีนก็อาจลดลงในอนาคตเช่นกัน
อุตสาหกรรมเรือ ยังคงขัดแย้งต่อไป
อุตสาหกรรมเรือ เป็นอุตสาหกรรมที่ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้มีความขัดแย้งกันมายาวนาน โดยล่าสุด ในเดือนพฤศจิกายน 2018 ญี่ปุ่นได้ยื่นฟ้องเกาหลีใต้ต่อ World Trade Organization (WTO) ในกรณีที่รัฐบาลเกาหลีใต้ปล่อยกู้ เพื่อเข้าอุ้ม Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering ทำให้ส่งผลกระทบต่อการฟื้นตัวของราคาเรือ