ความท้าทายของการลด CO2 ที่บริษัทผู้ผลิตรายใหญ่ทำได้จริง
อีกหนึ่งการบรรยายที่น่าสนใจในงาน Buhler Networking Days 2019 ที่จัดขึ้น ณ เมืองอุซวิล ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เมื่อวันที่ 26-27 สิงหาคม 2562 นั้น คือหัวข้อเกี่ยวกับวิธีลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ของบริษัทขนาดใหญ่ที่ทำได้จริง โดย Patrick Dupin CEO จากบริษัท Saint Gobain ยุโรปเหนือ ซึ่งไม่ได้เป็นที่รู้จักแค่ในวงการผลิตวัสดุแก้ว แต่ยังรวมถึงการผลิตและจำหน่ายวัสดุอีกหลากหลายประเภท เพื่อสร้างความสะดวกสบายให้กับมนุษย์และอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
Patrick ได้กล่าวว่าไม่ใช่แค่ผลประกอบการของบริษัทเท่านั้น แต่ Saint Gobain ยังนำเรื่องก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มาเป็นเป้าหมายในการดำเนินงาน โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 20% ภายใน 2030 ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นไปได้เพราะ Saint Gobain มีทีมผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ตระหนักถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และต้องการลงมือทำอย่างแท้จริง ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญของบริษัทที่ต้องการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
1. ความท้าทายในการลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
อาคารโรงงานเองเป็นตัวการสำคัญในการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มากถึง 1 ใน 3 ของโลก ซึ่งเทียบเท่ากับการขนส่งคมนาคมเลยทีเดียว โดยมีการใช้พลังงานถึง 33% เป็นแหล่งปล่อยก๊าซเรือนกระจกถึง 30% ใช้ทรัพยากรมากถึง 40% และปล่อยของเสียมากถึง 40% และถ้าเรายังไม่เริ่มเปลี่ยนแปลงตอนนี้ ในอีก 50 ปีข้างหน้า คาดการณ์ว่าอุณหภูมิโลกอาจเพิ่มขึ้นถึง 4 องศาเซลเซียส
2. การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
Patrick ได้แบ่งก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากการผลิตออกเป็น 3 ประเภท โดยบริษัทสามารถเริ่มกระบวนการลดการใช้ได้ทันที ดังนี้
1) Operational Carbon ประเภทที่ถูกใช้ในกิจกรรมประจำวันโดยตรง เช่น การกินอาหาร เปิดแอร์ และระบบต่าง ๆ ของอาคาร
2) Operational Carbon ประเภทที่เกิดจากการใช้พลังงานต่าง ๆ เพื่อดำเนินกิจกรรมประจำวันนั้น ๆ
3) Embodied Carbon คือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เกิดจากขั้นตอนต่าง ๆ ของกระบวนการผลิต
โดย Saint Gobain ได้จัดประเภทวิธีลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 3 ส่วนหลัก ๆ
1) ประสิทธิภาพในการผลิต
เพราะยิ่งผลิตได้มีประสิทธิภาพมากเท่าใด ก็จะยิ่งลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ให้น้อยลงเท่านั้น นอกจากนี้ Saint Gobain ยังคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่ช่วยให้เป็นมิตรแก่สิ่งแวดล้อมมาก เช่น ผนังที่ช่วยรักษาอุณหภูมิภายในอาคาร ลดการใช้พลังงานภายในบ้าน ทั้งยังมีบริการและออกแบบให้มีผลิตภัณฑ์เพื่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงการทดแทนวัสดุบางประเภทในขั้นตอนการผลิต สิ่งเหล่านี้ช่วยให้อาคารและโรงงานใช้พลังงานน้อยลง จึงปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยลง
2) วงจรการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ไม่ใช่แค่การรีไซเคิลเท่านั้น แต่ Saint Gobain ยังมีการวิเคราะห์ Total Life Cycle หรือวงจรชีวิตทั้งหมดของวัสดุและพลังงานที่ใช้ในการผลิตโดยใช้ Eco-innovation Score ที่ Saint Gobain คิดค้นขึ้น โดยจะมีการให้คะแนนในด้านต่าง ๆ ดังนี้
- พลังงานที่ต้องใช้
- ผลกระทบด้านสุขภาพ
- ความสามารถในการนำกลับมาใช้ใหม่
- ผลกระทบด้านแหล่งน้ำ
- คุณค่าที่เกิดต่อ local value proposition
ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะได้เกิดผลลัพธ์อย่างเต็มที่ต้องทำให้เป็นมาตรฐานและเป้าหมายหลักที่ได้รับการยอมรับทั่วไปในวงการอุตสาหกรรม
3) กระบวนการผลิต
เพื่อลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ Saint Gobain มีวิธีการดังต่อไปนี้
- ต้องหาว่าขั้นตอนไหนบ้างที่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่ง Patrick วิเคราะห์ออกมาได้ดังนี้
- มาจากการใช้พลังงานในการผลิตโดยตรง
- เป็นผลข้างเคียงที่เกิดจากการใช้พลังงานในการผลิต
- เกิดจากสายการผลิตอื่นที่ไม่ใช่ Saint Gobain ในห่วงโซ่การผลิต
เมื่อทราบว่าขั้นตอนใดมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ก็จะสามารถปรับเปลี่ยนวิธีการผลิตเพื่อลดการปล่อยก๊าซชนิดนี้ได้
- ลดการใช้เชื้อเพลิงที่ทำให้เกิดก๊าซพิษ
โดยใช้พลังงานทางเลือกอื่น (Green Energy) โดย Saint Gobain ได้ลงทุนปรับปรุงผังการผลิตให้สามารถลดการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ได้ตลอดทั้งโรงงาน
- การบริหารจัดการ
Saint Gobain ได้มีการประเมินราคาก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ไว้ที่ 30 ยูโรต่อตัน เพื่อใช้เป็นการประเมินว่าจะต้องลงทุนเพื่อลดการเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เท่าใด นอกจากนี้ยังประเมินก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่จะเกิดขึ้นในระยะยาวไว้ที่ 100 ยูโรต่อตัน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้ถ้าขาดทีมผู้บริหารที่พร้อมจะให้ความร่วมมือ
เกี่ยวกับ Bühler Group
บูห์เล่อร์ คือ ผู้ให้บริการด้านอุตสาหกรรมการแปรรูปและเทคโนโลยีด้านเครื่องหล่อขึ้นรูป การขัดเงาแบบเปียก และเทคโนโลยีเคลือบฟิล์มบางสำหรับใช้ในการผลิตปริมาณมาก และอุตสาหกรรมยานยนต์ ระบบการสแกนแบบแสงความแม่นยำสูง อุปกรณ์จักษุวิทยา อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ สีทาบรรจุภัณฑ์และหมึกพิมพ์ ผลิตภัณฑ์และบริการต่าง ๆ ของเราช่วยให้ผู้ผลิตสามารถผลิตยานพาหนะได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงยิ่งขึ้น และเป็นคู่ค้าที่มาพร้อมกับความพร้อมแบบรอบด้านเพื่ออนาคตของภาคอุตสาหกรรมยานยนต์