รัฐบาลญี่ปุ่น ประกาศก่อตั้งองค์กรส่งเสริมการพัฒนา สมาร์ทซิตี้-เมืองอัจฉริยะ เทคโนโลยีเพื่อความปลอดภัย ใช้ข้อมูลในการเสริมสร้างมาตรการรับมือภัยพิบัติ และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเมือง รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ “Japan Association for Smart Cities in ASEAN (JASCA)” ร่วมกับภาคเอกชนเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2562 ที่ผ่านมา พร้อมจัดประชุมหัวข้อ “ความร่วมมือระดับสูงทางเครือข่ายอาเซียน - ญี่ปุ่น” ในวันที่ 8 ตุลาคม โดย Mr. Takuya Kurita ที่ปรึกษากระทรวงคมนาคมประเทศญี่ปุ่น ผู้ร่วมก่อตั้ง JASCA ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ ดังนี้

ทำไมรัฐบาลญี่ปุ่นจึงต้องการสนับสนุน Smart City ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“รัฐบาลญี่ปุ่น และอาเซียนมีความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกันจากความช่วยเหลือเพื่อการพัฒนาอย่างเป็นทางการ (ODA-Official Development Assistance: ODA) ที่ดำเนินมาอย่างยาวนาน และเป็นภูมิภาคที่มีอัตราการเกิดสูง ซึ่งเราคาดการณ์ว่าในปี 2025 ประชากร 2 ใน 3 ของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะอาศัยอยู่ในเมือง นำมาซึ่งความเป็นกังวลต่อปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และทำให้ในอาเซียนมีการก่อตั้งองค์กรด้าน Smart City ขึ้นมาในช่วงปีที่แล้ว ซึ่งรัฐบาลญี่ปุ่นมีประสบการณ์กับอัตราการเกิดที่เพิ่มขึ้นกะทันหัน และความหนาแน่นในตัวเมืองเป็นอย่างดี รวมถึงยังอยู่ระหว่างการประสบปัญหาอัตราการเกิดลดลงที่หลายประเทศยังไม่พบเจอ รัฐบาลญี่ปุ่นจึงเชื่อว่า สามารถนำองค์ความรู้ที่มีเข้าช่วยพัฒนาอาเซียนได้”

Smart CIty มีดีอย่างไร

“Smart City คือ เทคโนโลยีที่เกิดขึ้นเพื่อความปลอดภัย ใช้ข้อมูลในการเสริมสร้างมาตรการรับมือภัยพิบัติ และพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวเมือง รวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเทคโนโลยีที่มีศักยภาพการเติบโตในอาเซียนสูงมาก ซึ่งเรามีความเห็นว่า การเข้าพัฒนา Smart City นี้เอง จะเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดีสำหรับบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีเป็นอย่างยิ่ง”

มีแผนจะร่วมมืออย่างไร

“แต่ละเมืองมีความต้องการต่างกันไป โดยมีความต้องการหลัก ๆ แบ่งเป็น “การชลประทาน”, “การพัฒนาผังเมือง”, “การคมนาคม”, “Smart Life”, “สภาพแวดล้อม และการกำจัดของเสีย”, และ “ความปลอดภัย” ซึ่ง JASCA จะจัดตั้งทีมเพื่อตอบรับความต้องการให้เหมาะกับเมืองนั้น ๆ เพื่อผลักดันการนำเทคโนโลยีมาแก้ปัญหา และตอบสนองความต้องการให้เกิดขึ้นโดยเร็ว ”