Dtac ดันไทยสู่ EV Value Chain Hub หวังช่วยลดมลพิษบนท้องถนน

อัปเดตล่าสุด 8 ก.พ. 2562
  • Share :

ดีแทคขยายธุรกิจสู่ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electric Vehicle Connectivity Platform) หรือ EV ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ช่วยลดมลพิษ ฝุ่นควันบนท้องถนน ดีแทคเป็นบริษัทโทรคมนาคมรายแรกในประเทศไทย ที่ประกาศร่วมมือกับบริษัทผู้ผลิตรถจักรยานยนต์ ไฟฟ้าชั้นนำหลายแบรนด์ของโลก และกลุ่มพันธมิตรสำคัญคือ บริษัท เอ็มวิชั่น จํากัด (มหาชน) เป็นผู้จัดงาน EV Expo และเป็นตัวกลางประสานงานกับผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า และบริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) หรือ FSMART เจ้าของตู้บุญเติม เป็นจุดให้บริการชาร์จมอเตอร์ไซค์ EV เพื่อเสนอ ทางเลือกใหม่ในการใช้ชีวิตของคนเมืองที่สนุกกับสมรรถนะในการขับขี่ พร้อมกับประหยัดค่าใช้จ่าย และรักษาสิ่งแวดล้อม


นางอเล็กซานดรา ไรช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและรักษาการรองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มการตลาด บริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จํากัด (มหาชน) หรือดีแทค กล่าวว่า “ปัญหามลพิษ ต้องได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน และทุกคนสามารถเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการการแก้ปัญหานี้อย่างยั่งยืน สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ซึ่งหนึ่งในแนวทางแก้ปัญหาคือการเปลี่ยนพฤติกรรมมาใช้รถยนต์และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า EV ที่ นอกเหนือจากจะช่วยบรรเทาปัญหามลพิษทางการอากาศอย่างยั่งยืน ดังเช่น หลายเมืองในสาธารณรัฐประชาชนจีนรณรงค์ให้ประชาชนใช้การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า อันเป็นกลยุทธ์สำคัญของแผนการพัฒนาเมืองที่กำลังเติบโต การใช้รถไฟฟ้าอย่างแพร่หลายยังสามารถช่วยพลิกโฉมอุตสาหกรรมยานยนต์ และกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในอุตสาหกรรมการผลิตที่ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง เพื่อสิ่งแวดล้อมของไทยได้ ซึ่งสอดคล้องตามแผนยุทธศาสตร์ของรัฐบาลที่ส่งเสริมการใช้ EV นโยบายทางภาษี ในการผลิต EV ในประเทศไทย”

ดีแทคในฐานะผู้ให้บริการแพลตฟอร์ม EV Connectivity จะเป็นผู้ที่เชื่อมโยงผู้ผลิตรถไฟฟ้า EV บริษัทประกัน บริษัทเช่าซื้อและสถาบันการเงินและสินเชื่อบริการเปลี่ยนถ่ายแบตเตอรี่หลายจุดทั่วกรุงเทพฯ บริการการรับ ชำระเงินผ่านระบบบิลลิ่งของดีแทคและพันธมิตรรวมถึงบริการซ่อมบำรุงหลังการขาย ทั้งหมดนี้เพื่อมอบความสะดวกสบายในการใช้งานของลูกค้า ซึ่งเข้าถึงบริการต่างๆ ได้ผ่านการเชื่อมต่อของซิมดีแทค ไตรเน็ต ซึ่งเป็นหัวใจในการเชื่อมต่อผ่านแอปพลิเคชันผู้ใช้งานจะได้รับประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV

โดยบริการทั้งหมดได้ถูกออกแบบให้เชื่อมโยงกันผ่านแอปพลิเคชันเดียวที่ให้ความสะดวกและคุ้มค่า ที่นอกเหนือจากการใช้งานบนฟีเจอร์การขับขี่ปกติ เช่น เช็คสถานะแบตเตอรี่ ชำระค่าเปลี่ยนถ่ายแบตเตอร์รี่ ชำระค่าเปลี่ยนถ่ายแบตเตอรี่ การกำหนดความเร็วสูงสุดแล้วยังสามารถชำระค่าเช่าซื้อ การรับประกันได้อีกด้วย นอกจากนี้ ดีแทคและกลุ่มพันธมิตรยังจัดเตรียมความพร้อมด้านบริการหลังการขายและการซ่อมบำรุงอย่างครบวงจร 

ในเฟสแรกดีเทคและฟอร์ทสมาร์ทรวมกันเปิดจุดบริการชาร์จไฟฟ้า และเปลี่ยนแบตเตอรี่ผ่านตู้อัจฉริยะในพื้นที่ทดลองให้บริการในกรุงเทพฯ และจะขยายจุบริการเพิ่มขึ้นต่อไปในอนาคต ส่วนเอ็มวิชั่น เป็นตัวกลางประสานงานกับผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า โดยดีแทคพร้อมที่จะร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำที่จะร่วมมือกัน เพื่อช่วยผลักดันให้ไทยเกิดห่วงโซ่คุณค่าของอุตสาหกรรม EV ในเฟสต่อไป

ผู้ใช้งานแพลตฟอร์ม EV Connectivity ของดีแทคจะได้ประโยชน์ในการใช้งานที่สําคัญดังนี้ คือ

1. ช่วยประหยัดค่าน้ํามัน ค่าบํารุงรักษา ได้มากกว่าจักรยานยนต์ที่ใช้น้ํามัน โดยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าถึง 50% 
2. สะดวกสบาย ด้วยการมีแอปพลิเคชัน ในการควบคุม ขับขี่ได้ง่าย ไม่เกิดฝุ่นควันพิษ ไม่มีเสียงดัง บํารุงรักษาง่าย รวมถึงสามารถทําธุรกรรมที่เกี่ยวข้องทั้งหมดได้บนแอปพลิเคชั่นเดียว 
3. มีพันธมิตรผู้ผลิตหลากหลายยี่ห้อให้เลือกใช้ ทั้งจากผู้ผลิตแบรนด์จีน และยุโรป ที่พร้อมใช้ด้วยแอปพลิเคชันเดียวกัน

“การให้บริการแพลตฟอร์ม EV connectivity ในครั้งนี้ นับเป็นก้าวแรก ในการขยายธุรกิจที่เป็นมากกว่าผู้ให้บริการมือถือของดีแทค เพื่อมุ่งสู่เป้าหมายในการกลับมาเติบโตในธุรกิจอีกครั้ง นางอเล็กซานดรา” กล่าว สรุป

รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายใต้แพลตฟอร์มของดีแทค จะเริ่มทําตลาดเต็มรูปแบบในเดือนมิถุนายน โดยจะ มีรุ่นที่เข้าร่วมเบื้องต้น 3-5 รุ่น โดยดีแทคมีแผนที่จะวางจําหน่าย รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าอย่างเป็นทางการในเร็วๆ  นี้

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอ็มวิชั่น จํากัด (มหาชน) กล่าวว่า “ บริษัทเห็นถึงโอกาส ในตลาด EV ของไทย โดยเราเป็นผู้จัดงาน Bangkok EV Expo ซึ่งเป็นงานโชว์-จําหน่ายรถยนต์ไฟฟ้า และการ ความร่วมมือกับดีแทคและบุญเติมครั้งนี้ยังจะช่วยส่งเสริมให้ตลาด EV ในประเทศไทยมีการเติบโตมากยิ่งขึ้น รวมทั้งยังสนับสนุนบริษัทมีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นสองทาง ได้แก่ ทางด้านการจัดการ และการร่วมมือกับพันธมิตร จําหน่ายยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า อีกทั้งการร่วมมือดังกล่าวยังจะช่วยลดปัญหาฝุ่นขนาดเล็ก หรือ PM 2.5 ที่กระทบต่อสุขภาพของประชาชน และกระทบต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว หลังพบแกนก ด้ามต่อเนื่องในปัจจุบัน เพราะว่าการจําหน่ายยานยนต์ครั้งนี้เป็นการใช้พลังงานไฟฟ้า ซึ่งจะทําให้มลพิทางอากาศลดลง และตอบสนองนโยบายของหน่วยภาครัฐที่ต้องการลดมลพิษทางอากาศ จากการเผาและกวน จากรถยนต์ที่เผาไหม้ไม่สมบูรณ์ ”

นายพงษ์ชัย อมตานนท์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ฟอร์ท สมาร์ท เซอร์วิส จํากัด (มหาชน) หรือ FSMART กล่าวว่า “ในนามของ FSMART และบริษัทในเครือมีความยินดีที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในความร่วมมือครั้ง นี้ โดย FSMART และบริษัทในเครือจะเข้าไปดูแลในส่วนของการให้บริการสถานีชาร์จและเปลี่ยนแบตเตอรี สําหรับรถจักรยานยนต์ไฟฟ้าผ่านตู้อัจฉริยะที่เตรียมให้บริการในอนาคต ตามสถานที่และจุดบริการต่างๆ อาทิ แหล่งชุมชน สถานีบริการน้ํามัน เป็นต้น โดยอาศัยจุดแข็งการบริหารจัดการด้านทําเลที่ตั้งที่เหมาะสม พร้อม ขยายจุดให้บริหารจากตัวแทนที่มีอยู่ทั่วประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้มีการผลิตอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับ อุตสาหกรรมรถยนต์ จากการพัฒนาที่ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ในรูปแบบการติดตั้งบริเวณออฟฟิศ คอนโด (Station) และการติดตั้งในบ้านพักอาศัย (Wall type) และเตรียมติดตั้งเพื่อให้บริการตามสถานที่ต่างๆ ในปีนี้

สําหรับการให้บริการชาร์จไฟฟ้าและเปลี่ยนแบตเตอรี่ในครั้งนี้ นอกจากบริษัทฯ จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนนโยบายภาครัฐเพื่อลดปัญหาทางด้านมลพิษทางอากาศและรักษาสิ่งแวดล้อม ยังเป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจหลักของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นในการเพิ่มความสะดวกให้กับทุกชุมชน ตลอดจนสรรหาและพัฒนารูปแบบบริการให้มีคุณภาพ และหลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้มากที่สุด