‘คน’ อุปสรรคใหญ่ Industry 4.0
ภาคการผลิตเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจ และหนีไม่พ้นกระแสดิจิทัลดิสรัปต์ แถมยังมีสงครามการค้าจีน-สหรัฐ มากระทบ “ศักดิ์ณรงค์ แสงสง่าพงศ์” รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ได้ฉายภาพสถานการณ์บนเวทีสัมมนา CAT Network Showcase 2018 : Thailand X Step-The Next Extreme”
โดยระบุว่า “Industry 4.0” เป็นโจทย์ใหญ่ของประเทศ ซึ่งผลสำรวจของสภาอุตสาหกรรมฯ พบว่าภาคการผลิตในไทยยังอยู่แค่ระดับ “Industry 2.0 นิด ๆ” จะพัฒนาไป 4.0 จึงยาวไกล
“ในไทยมีโรงงานที่เป็น 4.0 แต่ทั้งหมดไม่ใช่ของผู้ประกอบการไทย”
สภาอุตฯ จึงพยายามผลักดันด้วยการหาเทคโนโลยีที่มีราคาเหมาะสมมาให้ใช้ อาทิ ระบบ ERP (enterprise resource planning : การวางแผนทรัพยากรทางธุรกิจขององค์กร) รวมถึงนำระบบอัตโนมัติมาใช้ แต่ผู้ประกอบการไทยยังไม่ให้ความสำคัญกับการปรับปรุงสายการผลิต ทั้งเรื่องประสิทธิภาพและดีมานด์ในตลาด
“โลกทุกวันนี้เป็น mass customization แล้ว ไม่ใช่การผลิตแบบเดิม ในอนาคตโปรดักต์แบบเดิมจะอยู่ไม่ได้เลย ฉะนั้นต้องมีการปรับเปลี่ยน ทางสภาอุตฯพยายามวางภาพโรดแมปที่ชัดเจนให้เห็นว่า จะเริ่มง่าย ๆ แบบไทย ๆ อย่างไร รวมถึงพยายามสร้างคนที่จะเข้ามาช่วย ซึ่งยังขาดแคลนอยู่มาก”
แต่ขั้นแรกต้องทำให้ตระหนักก่อน เพราะอุตสาหกรรมสิ่งทอ หรือรองเท้า ย้ายฐานการผลิตไปประเทศข้างบ้านหมดแล้ว แต่ในไทยโรงงาน 70-80% ประสิทธิภาพการผลิตต่ำกว่าประเทศเพื่อนบ้านในอุตสาหกรรมเดียวกัน อาทิ เวียดนาม ที่บางเรื่องมีเทคโนโลยีขั้นสูงกว่าไทยไปแล้วฉะนั้นบริษัทไอทีในประเทศไทยจะต้องมีอินโนเวชั่น และจะต้องคิดว่าจะโฟกัสด้านไหนในภาคอุตสาหกรรม
“วันนี้ยังมีหลายโรงงานใช้มือนำของลงกระป๋อง ชั่งน้ำหนักแล้วใส่เครื่องปิดฝา ซึ่งมันไม่ใช่แล้วในยุคนี้ และตัวเลขของ World Bank ระบุชัดว่า ในปี 2573 50% ของงานในโลกจะหายไป ฉะนั้นสิ่งที่ต้องทำคือ จะพัฒนาคนของเราในอีก 10 ปีข้างหน้าให้ตรงกับตลาดแรงงานในอนาคต จะหวังว่าจะยังใช้แรงงานคนอยู่ต่อไป เพราะมันจะอยู่ไม่ได้”
โดยสภาอุตฯหวังอย่างมากว่า โครงการ IoT ในดิจิทัลพาร์คจะช่วยทดลองการนำดีไวซ์ต่าง ๆ มาเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างไร ขณะเดียวกันก็หวังว่าภาครัฐจะสร้างสิทธิประโยชน์มาจูงใจให้คนที่มีทักษะสูงเข้ามาทำงานในดิจิทัลพาร์ค ซึ่งไม่ควรจำกัดเฉพาะต่างชาติแต่รวมถึงคนไทยด้วย เพื่อให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีมาให้คนไทย
“ปัญหาในอุตสาหกรรมไอทีไทยคือขาดแคลนคนอย่างมาก อย่างในเครือล็อกซเล่ย์ หาอยู่ 50 ตำแหน่ง ของบริษัทสมาชิกในสภาอุตฯ ขาดอยู่ 200-300 ตำแหน่งที่หาคนไม่ได้ ฉะนั้นภาครัฐควรจะใจกล้า ๆ ลดแลกแจกแถมสิทธิพิเศษกระตุ้นแรง ๆ เพื่อจูงใจไปเลย จะได้รู้ว่าจะเกิดได้ไหม”
ส่วนสงครามการค้าเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูให้ดี เพราะมีผลกระทบแน่นอน ซึ่งไม่ได้มีแต่ด้านลบ แต่มีโอกาสอยู่ด้วย
“รัฐบาลต้องช่วยมอง ถ้าจีนส่งออกได้น้อยลง ไทยจะต้องเข้าไปเติมเต็มส่วนนี้ให้ได้ ซึ่งเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องช่วยกันคิด ส่วนสิ่งที่ส่งออกได้อยู่แล้ว จะทำอย่างไรให้ดีขึ้น และไม่ใช่แค่ตลาดสหรัฐอเมริกาอย่างเดียว ตลาดอาเซียนจะทำอย่างไรให้เป็นคอมมิวนิตี้ที่จะขยายการส่งออกให้มากขึ้น”