“สหรัฐ” เริ่มสอบสวนบริษัทเทคโนโลยีดัง ผูกขาดทางธุรกิจหรือไม่?
ตามรายงานของ FTC ระบุว่า FTC จะเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนบริษัทเฟซบุ๊ก ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ของ FTC ได้ดำเนินการตรวจสอบบริษัทเฟซบุ๊กมาตั้งแต่ปีที่แล้ว หลังจากการกรณีอื้อฉาว Cambridge Analytica ในปี 2018 ที่ได้มีข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เฟซบุ๊กได้หลุดออกไป ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงในปี 2011 ของเฟซบุ๊กกับ FTC นำมาซึ่งการสอบสวนและการเรียกร้องค่าเสียหายจากเฟซบุ๊กจำนวนมาก นอกจากนี้ FTC ยังจะรับผิดชอบการสอบสวนและกำกับดูแลบริษัทอเมซอน ผู้ให้บริการสตรีมมิงรายใหญ่ของสหรัฐอีกด้วย
ขณะที่ DOJ จะเป็นผู้รับผิดชอบในการสอบสวนพฤติกรรมธุรกิจแบบผูกขาดของบริษัทกูเกิล โดยแหล่งข่าวของซีเอ็นเอ็นระบุว่า การสอบสวนจะมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจการสืบค้นข้อมูลของกูเกิล รวมทั้งกล่าวว่า DOJ มีสิทธิเต็มที่ในสอบสวนบริษัทแอปเปิลในกรณีผูกขาดเช่นเดียวกัน
ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าจะมีการเปิดเผยข้อมูลการสอบสวนบริษัทเหล่านี้หรือไม่ ขณะที่กูเกิลและอเมซอนปฏิเสธที่จะให้ความคิดใด ๆ ต่อเรื่องดังกล่าว ส่วนแอปเปิลและเฟซบุ๊กก็ยังไม่แสดงท่าทีใด ๆ เช่นกัน
อย่างไรก็ตามข่าวนี้ส่งผลกระทบต่อมูลค่าในตลาดหลักทรัพย์ของทั้ง 4 บริษัทเมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ที่ผ่านมา โดยกูเกิลร่วงลง 7% ขณะที่เฟซบุ๊กร่วงลงมา 9%
ก่อนหน้านี้ในเดือน มี.ค. 2019 เดวิด ซิซิลลีน (David Cicilline) ประธานคณะอนุกรรมาธิการต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐ ได้เรียกร้องให้มีการสอบสวนบริษัทเฟซบุ๊กว่ามีลักษณะของการผูกขาดทางธุรกิจ จากการเข้าซื้อกิจการของอินสตาแกรมและวอทส์แอปซึ่งมีทั้งสองธุรกิจมีผู้ใช้บริการมากกว่า 1,000 ล้านคน
ขณะที่สหภาพยุโรปได้ฟ้องร้องและเรียกค่าปรับจากกูเกิลเป็นมากกว่า 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากกรณีการผูกขาดด้วยเช่นเดียวกัน และในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมายังเรียกค่าปรับจากกูเกิลจากการละเมิดข้อกำหนดการโฆษณา อีกทั้งศาลฎีกาของสหรัฐยังตัดสินในเดือนที่แล้วว่า เจ้าของอุปกรณ์ไอโฟนสามารถฟ้องร้องบริษัทแอปเปิลในกรณีผูกขาดให้ใช้งานได้เฉพาะแอปสโตร์ของแอปเปิลเอง
ภายหลังจากการประกาศมาตรการของ FTC และ DOJ ได้มีท่าทีจากหลายฝ่าย โดยพรรคเดโมแครต ฝ่ายค้านของสหรัฐได้อ้างว่านโยบายนี้ริเริ่มมาจากพรรคเดโมแครต เพื่อการตรวจสอบอำนาจของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐให้มากยิ่งขึ้น
ขณะที่ซิลิคอนแวลลีย์ ศูนย์รวมสำนักงานของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่หลายบริษัท ได้เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการต่อต้านการผูกขาดนี้ และแข่งขันกันในการพิสูจน์ว่าบริษัทให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้บริการเป็นอันดับหนึ่ง