เพราะเหตุใด ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าจึงจับตาตลาดสมาร์ทโฮม?

อัปเดตล่าสุด 7 มี.ค. 2562
  • Share :

Japan Electrical Manufacturers' Association (JEMA) สมาคมผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ประเทศญี่ปุ่น จัดทำรายงาน “กลยุทธ Smart Home ของธุรกิจนานาชาติ” โดยมีธุรกิจรายใหญ่จากนานาประเทศร่วมให้ข้อมูล

จากรายงาน พบว่า ในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ คาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด Smart Home ในระดับโลก จะเริ่มพุ่งขึ้นสูงในช่วงปี 2020 และจะมีมูลค่าสูงถึง 405,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2030 หรือเท่ากับ 25.3% ของมูลค่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดในปีเดียวกัน

โดยปัจจัย ที่ทำให้ผู้ผลิตหลายรายมีความเห็นในทิศทางนี้ คือคุณสมบัติเด่นของผลิตภัณฑ์ในหมวด Smart Home 3 ข้อ ที่จะมีความก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ ในอนาคต อันประกอบด้วย ความสามารถในการเชื่อมต่อ ความฉลาด และความอิสระในการใช้งาน ซึ่งทั้ง 3 ข้อนี้ คือสิ่งที่ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าเล็งเห็นว่า เป็นปัจจัยที่จะช่วยสร้างมุลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ได้มหาศาล เนื่องจากสามารถใช้สร้างไลฟ์สไตล์ที่มีคุณภาพมากขึ้นให้กับผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี ในขณะเดียวกันนี้ ก็จะยิ่งทำให้ผู้บริโภคต้องการคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นไปอีก ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นการพัฒนาสินค้าต่อไป

คาดการณ์ว่า การพัฒนาผลิตภัณฑ์ Smart Home จะแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนใหญ่ ๆ ดังนี้

  1. การเชื่อมต่อ จุดตั้งต้นของเครื่องใช้ไฟฟ้า และอิเล็กทรอนิกส์ในอนาคต ซึ่งจะมีคุณสมบัติในการเชื่อมต่อผลิตภัณฑ์เข้ากับอินเตอร์เน็ต หรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ซึ่งจะช่วยให้สามารถทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น และอำนวยความสะดวกให้กับผู้ใช้
  2. ความฉลาด สิ่งที่จะตามมาหลังเครื่องใช้ไฟฟ้าเชื่อมต่อกันได้ ด้วยคุณสมบัติในการเรียนรู้ความต้องการของผู้ใช้ เพื่อนำมาปรับปรุงการทำงานของผลิตภัณฑ์นั้น ๆ ให้เหมาะสมกับลูกค้ายิ่งขึ้น
  3. การบริการ เมื่อเครื่องใช้ไฟฟ้ามีความฉลาดแล้ว ผู้ผลิตหลายราย วางแผนใช้การบริการมาทำการตลาดขั้นถัดไป โดยขายบริการพ่วงกับผลิตภัณฑ์ของตน หรือบริการแบบให้เช่า เพื่อให้ลูกค้ามีอิสระในการใช้งานตามความต้องการ

โดยปัจจุบัน หลายธุรกิจ ให้ความสำคัญกับแนวคิด Smart Home และมุ่งสร้างกลุ่มลูกค้าด้วยแนวทางที่ต่างกันออกไป ยกตัวอย่างเช่น Apple ซึ่งมีแนวทางคือ “การพัฒนาบริการที่มีแต่สินค้าตนเท่านั้นที่ใช้งานได้”, Philips ซึ่งมีเป้าหมายคือ “เน้นไปที่การบริการด้านสุขภาพ”, Amazon ซึ่งเลือก “พัฒนาโครงสร้างให้กลายเป็นมาตรฐานของตลาด เพื่อให้ลูกค้ามีตัวเลือกมากที่สุด” และอื่น ๆ

อย่างไรก็ตาม เนื่องจากปัจจุบัน ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้าหลายราย มีแนวทางในการแข่งขันกับบริษัทอื่นด้วยราคา ไม่ใช่การสร้างความแตกต่าง ด้วยเหตุนี้เอง จึงเป็นที่น่าจับตามองว่า ธุรกิจเหล่านี้ จะหันมาตามเทรนด์นี้ ด้วยการเน้นสร้างมูลค่าเพิ่มแทนหรือไม่

นอกจากนี้ ในรายงานฉบับเดียวกัน ยังคาดการณ์ว่าในปี 2030 ผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าสำหรับห้องนั่งเล่น และห้องครัว จะมีมูลค่าสูงถึง 188,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเท่ากับ 22.4% ของมูลค่าตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าอีกด้วย