“เมาไม่ขับ” ยานยนต์อัตโนมัติยังรู้
“เมาไม่ขับ” คือประโยคที่หลาย ๆ คน ไม่ว่าจะเป็นคนขับรถหรือไม่ ต่างต้องเคยได้ยินกันมาไม่มากก็น้อย อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริงแล้ว กฏหมายไม่อาจบังคับให้ทุกคนงดการขับขี่ยานพาหนะได้ หรือถึงได้ก็ไม่ใช่ 100%
โดยหนึ่งในสิ่งที่อุตสาหกรรมยานยนต์คาดการณ์ว่าจะมีบทบาทในการแก้ไขปัญหาเมาแล้วขับ คือยานยนต์อัตโนมัติ ซึ่งสหภาพยุโรป ได้ตั้งเป้าลดอุบัติเหตุทางท้องถนนให้เหลือเกือบ 0% ในปี 2050 แต่ยานยนต์อัตโนมัติในปัจจุบัน ยังไม่สามารถทำตามความต้องการนี้ได้
อย่างไรก็ตาม Dr. Anna Anund จาก Swedish National Road and Transport Research Institute (VTI) ได้เสนอแนวทางขึ้นแนวทางหนึ่ง ภายใต้โครงการ ADAS&ME (“Adaptive ADAS to support incapacitated drivers &Mitigate Effectively risks through tailor made HMI under automation”) ด้วยการพัฒนาระบบเซ็นเซอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติในการตรวจสอบสภาพร่างกายผู้ขับได้
Dr. Anna Anund แสดงความเห็นว่า บนท้องถนน ผู้ขับขี่หลายรายไม่เหมาะแก่การขับรถ ยกตัวอย่างเช่น คนที่เหนื่อย หรือง่วงเกินกว่าจะขับขี่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ, คนเมา, และอื่น ๆ ซึ่ง European Commission รายงานว่า จำนวนคนกลุ่มนี้ มีอัตราส่วนสูงถึง 10 - 20% ของอุบัติเหตุทางท้องถนนทั้งหมด
โดยระบบเซ็นเซอร์ชนิดนี้ ถูกออกแบบให้ทำงานโดยการตรวจจับสภาพของผู้ขับ ยกตัวอย่างเช่น นำรถเข้าข้างทางเองหากพบว่าผู้ขับง่วงนอน, ชะลอความเร็ว หรือหยุดรถ หากพบว่าผู้ขับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาใช้งานขณะขับรถ, ตรวจจับอัตราการเต้นของหัวใจตามแต่เพศ และอายุของผู้ขับ เพื่อตรวจสอบว่าผู้ขับตื่นตัวเพียงพอหรือไม่, ตรวจแอลกอฮอล์ในลมหายใจผู้ขับ เพื่อไม่ให้สตาร์ทรถได้หากมีปริมาณแอลกอฮอล์เกินกำหนด และอื่น ๆ
โดยเทคโนโลยีเหล่านี้ แม้จะยังไม่สามารถใช้งานจริงได้ในปัจจุบัน แต่ก็ผ่านการพัฒนามาแล้วตั้งแต่ปี 2016 และคาดการณ์ว่า จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของระบบความปลอดภัยในยานยนต์อัตโนมัติในอนาคต