สงครามการค้ากระทบหนัก หลายบริษัทคาดรายได้ในจีนลด

อัปเดตล่าสุด 4 มี.ค. 2562
  • Share :
  • 461 Reads   

สงครามการค้าจะดำเนินถึงเมื่อไหร่ ? คือคำถามที่ถูกถามกันอย่างบ่อยครั้งในภาคอุตสาหกรรม ซึ่งปัจจุบันก็ยังคงไม่มีคำตอบชัดเจน และผลกระทบยังคงรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในภาคอุตสาหกรรมการผลิต ที่หลายบริษัทยกจีนเป็นปัจจัยหลัก ที่ทำให้บริษัทต้องปรับยอดคาดการณ์ปีงบประมาณ 2018 ซึ่งจะสิ้นสุดลงในเดือนมีนาคม 2019 ที่จะมาถึงนี้ให้น้อยลง โดยมีอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบคือ เครื่องใช้ไฟฟ้า ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และวัสดุ

เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ อุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบโดยตรง

ในบรรดาบริษัทที่ปรับยอดผลคาดการณ์ให้ลดลงนั้น พบว่าส่วนใหญ่แล้ว เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่ผลิตภัณฑ์ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการขึ้นภาษี การชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน และยอดขายยานยนต์, สมาร์ทโฟนที่ลดลง

Mitsubishi Electric เป็นหนึ่งในบริษัทที่ปรับตัวเลขคาดการณ์ลงจากเดิม โดยมีเหตุผลหลักมาจากความต้องการที่ลดลงในอุตสาหกรรมแมคคาทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร Mr. Tadashi Kawagoishi ได้แสดงความกังวลต่อการลงทุนในตลาดจีนเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนทาง Panasonic นั้น ได้รับผลกระทบจากจีนเป็นอย่างยิ่งในส่วนของยอดสั่งมอเตอร์สำหรับเครื่องจักรที่ใช้ในการผลิตสมาร์ทโฟน, แบตเตอรี่ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (PHV) และเครื่องใช้ไฟฟ้า ส่วน Sharp ก็มียอดขายผลิตภัณฑ์ LCD และเซ็นเซอร์ลดลงเป็นอย่างมากเช่นกัน  

นอกจากนี้ ความต้องการจากอุตสาหกรรมยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ลดลง ยังส่งผลให้ความต้องการชิ้นส่วนสต็อกในจีนลดลงตามไปด้วย ซึ่ง Mr. Shigenobu Nagamori CEO บริษัท Nidec กล่าวแสดงความเห็นว่า “ไม่เคยเห็นความต้องการชิ้นส่วนลดลงขนาดนี้มาก่อนตั้งแต่ทำงานมาถึง 46 ปี” และแสดงความกังวลว่า หากสถานการณ์เศรษฐกิจยังเป็นเช่นนี้ต่อไป ความต้องการอาจลดลงไปสู่จุดเดียวกับเมื่อครั้งวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ก็เป็นได้

Mr. Shigenobu Nagamori CEO บริษัท Nidec


ต่ำสุดในรอบหลายปี

ปี 2018 คือปีแรกในรอบ 28 ปี ที่ยอดขายยานยนต์ใหม่ในจีนลดลงจากปีก่อนหน้า ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลในอุตสาหกรรมยานยนต์เป็นอย่างยิ่ง

Mr. Hiroto Saikawa CEO บริษัท Nissan แสดงความเห็นว่า แม้บริษัทตนจะปรับยอดคาดการณ์ในจีนให้น้อยลงก็จริง แต่หากมองในระยะยาวแล้ว ยังคงเชื่อมั่นว่าตลาดจีนจะมีการเติบโตอย่างมั่นคง

ทาง Denso รายงานว่า ราคาวัสดุที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า ส่งผลให้ยอดขายของค่ายรถหลายค่ายในจีนลดลงเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ ยังมีผู้ผลิตชิ้นส่วนอีกหลายรายที่ได้รับผลกระทบ เช่น Aisin Seiki ที่ทำยอดระบบส่งกำลังได้น้อยลง, JTEKT ซึ่งรายงานปัญหาผลกำไรของพวงมาลัยไฟฟ้า และแกนพวงมาลัย และอื่น ๆ  

ออเดอร์วัสดุเพื่อสมาร์โฟน และเซมิคอนดัคเตอร์ที่ลดลง

อีกตลาดที่น่าเป็นห่วง คือตลาดสมาร์ทโฟน และตลาดเซมิคอนดัคเตอร์ ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมวัสดุเป็นอย่างยิ่ง ยกตัวอย่างเช่น ความต้องการอลูมิเนียมที่ลดลง ซึ่งนอกจาก 2 อุตสาหกรรมนี้แล้ว ยังมีแนวโน้มว่าความต้องการอลูมิเนียมจะลดลงในอุตสาหกรรมอื่น เช่น คอมพิวเตอร์, IT, และอุปกรณ์การผลิตจอ LCD อีกด้วย

อย่างไรก็ตาม คาดการณ์ว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดัคเตอร์ จะสามารถฟื้นตัวกลับมาได้ในช่วงหลังปีงบปประมาณ 2019 เป็นต้นไป เนื่องจากมีความต้องการที่มั่นคงเป็นอย่างยิ่ง

อีกวัสดุ ซึ่งถูกคาดการณืว่าความต้องกรในจีนจะลดลง คือพลาสติก ABS ซึ่งหากยอดขายสมาร์ทโฟนลดลงแล้ว จะทำให้ความต้องการพลาสติก และแผ่นฟิล์มชนิดอื่น ๆ สำหรับผลิตชิ้นส่วนสมา์ทโฟนลดลงตามไปด้วย 

อย่างไรก็ตาม ตลาดหนึ่งที่ยังคงมีความต้องการสูงคือตลาดรถยนต์ไฟฟ้า (Electric Vehicles: EV) ซึ่งสวนทางกับยอดขายยานยนต์ในจีนที่ลดลง โดยเป็นผลจากนโยบายภาครัฐ และกล่าวได้ว่าเป็นตลาดที่ควรค่าเข้าลงทุน แม้จะยังมีสถานการณ์ของสงครามการค้าเป็นปัจจัยที่ต้องเฝ้าระวังก็ตาม