หอการค้าทั่วปท. จี้คุมค้าออนไลน์ สินค้าจีนทะลัก SME กระทบหนัก
เวทีสัมมนาใหญ่หอการค้า 5 ภาคชู “THAITAY in ACTION : ไทยเท่ ทำได้ ทำจริง” ระดมสมองรับโลกเปลี่ยน จี้คุมเข้มซื้อขายออนไลน์หลังสินค้าจีนทะลักเข้าไทย SMEs กระทบหนัก ชงรัฐแก้ปมบริหารจัดการน้ำ ดัน Clean Air Act กู้วิกฤตหมอกควันพิษ ปลุกค้าชายแดน-ท่องเที่ยว
ผู้สื่อข่าว “ประชาชาติธุรกิจ” รายงานว่าวันที่ 29 พ.ย.-1 ธ.ค. 2562 หอการค้าไทยร่วมกับหอการค้าจังหวัดทั่วประเทศ จัดสัมมนาใหญ่ประจำปีหอการค้าทั่วประเทศ ครั้งที่ 37 ขึ้นที่จังหวัดลำปาง ในหัวข้อ “THAITAY in ACTION : ไทยเท่ ทำได้ ทำจริง” ระดมความคิดเห็นและข้อเสนอแนะแนวทางการปรับยุทธศาสตร์การพัฒนาประเทศ
ชงคุมค้าออนไลน์
นายปรัชญา สมะลาภา ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออก เปิดเผยว่า ปีนี้หอการค้าภาคตะวันออกเตรียมข้อเสนอสำคัญ 2-3 เรื่องหลัก นอกนั้นเป็นโครงการต่าง ๆ ที่เคยนำเสนอปีที่ผ่าน ๆ มา แต่ยังไม่มีผลในทางปฏิบัติจึงต้องการผลักดันต่อ ที่ภาคเอกชนกังวลมากที่สุดคือเรื่องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศผ่านช่องทางออนไลน์ส่งตรงถึงบ้าน ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นทุกปี เนื่องจากสินค้าที่สั่งซื้อต้นทุนการผลิตต่ำ ขายได้ราคาถูกกว่าผู้ผลิตไทยมาก กระทบยอดขายโรงงานไทย ส่งผลเสียต่อเศรษฐกิจประเทศ และทำลายอุตสาหกรรม SMEs
เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ เพราะขณะนี้ภาครัฐไม่สามารถควบคุมได้ และผู้นำเข้าไม่ต้องเสียภาษีนำเข้า ขณะที่เว็บขายสินค้าออนไลน์ของไทยไม่สามารถเสนอขายสินค้าตรงเข้าไปในต่างประเทศได้
ถกจีนขายสินค้าไทยผ่านเว็บ
“ปัจจุบันเว็บจีนพัฒนาไปอีกขั้น ผู้ซื้อสามารถสั่งให้พิมพ์โลโก้เฉพาะ และสั่งซื้อได้ครั้งละ 50-100 ชิ้น และส่งให้ถึงบ้านหากสินค้ามูลค่าต่ำกว่า 1,500 บาทไม่ต้องเคลมภาษี ไม่ต้องแสดงว่าเป็นอะไร นำเข้ามาได้เลย รวมถึงรัฐบาลจีนอุดหนุนเรื่องค่าขนส่ง ทุกวันนี้สินค้าเป็นแพ็กเล็ก ๆ ลักษณะเดียวกันนี้บรรจุมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ส่งมาไทย เท่ากับเราเปิดให้ต่างชาติเข้ามาขายสินค้า ไม่เกิดประโยชน์กับประเทศไทย ถ้าทางการไทยไม่สามารถแก้ปัญหาได้ ต้องเจรจาทั้ง 2 ฝั่ง กระทรวงพาณิชย์ต้องเข้ามาช่วย ผลักดันให้ผู้ผลิตและผู้ขายสินค้าไทยสามารถส่งออกสินค้าผ่านเว็บเข้าไปถึงผู้ซื้อในต่างประเทศได้โดยตรง”
นอกจากนี้จะนำเสนอเรื่องน้ำ เนื่องจากปีนี้ภาคตะวันออกมีปัญหาขาดแคลนน้ำ ปีนี้ตัวเลขน้ำต้นทุนเหลือเพียง 60% ต่ำกว่าทุกปี ต้องการให้กรมชลประทานปรับแผนบริหารจัดการน้ำใหม่ เร่งก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดเล็กความจุ 1-2 ล้าน ลบ.ม.เพิ่ม และให้เร่งพัฒนาบุคลากร รองรับภาคอุตสาหกรรมเป้าหมายในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)
ดันเปิดดิวตี้ฟรีเบตง-สุไหงโก-ลก
นายวัฒนา ธนาศักดิ์เจริญ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคใต้ กล่าวว่า หอการค้าจังหวัดภาคใต้เตรียมเสนอ 3 เรื่องหลัก ได้แก่ 1) เกษตรและอาหาร 2) การค้า การลงทุน การค้าชายแดน 3) การท่องเที่ยวและบริการ พร้อมทั้งผลักดันโครงการก่อสร้างระบบขนส่งทางรางที่เคยนำเสนอ และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบแล้วแต่ยังไม่มีการจัดสรรงบประมาณให้ โดยเฉพาะโครงการรถไฟสายชุมพร-ระนอง สุราษฎร์ฯ (ท่านุ่น) พังงา-ภูเก็ต ระยะทาง 110 กม.เชื่อมฝั่งทะเลอันดามัน
ข้อเสนอด้านเกษตรและอาหาร ตอนนี้ราคาพืชผลทางการเกษตร โดยเฉพาะยางพาราตกต่ำ ราคาปาล์มทรงตัว ยังไม่คุ้มทุน จะเรียกร้องให้ยกระดับราคายางสูงขึ้นสวนทางตลาดโลกคงทำไม่ได้ จึงอยากให้รัฐส่งเสริมเกษตรกรปลูกพืชผสมผสานในที่ดินแปลงเดิม โดยรัฐสนับสนุนอย่างจริงจัง เช่น แจกเมล็ดพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์
ส่วนข้อเสนอด้านการค้า การลงทุน และค้าชายแดน บริเวณตะเข็บชายแดนด่านเบตง ด่านสุไหงโก-ลก อยากให้พัฒนาเป็นเขตปลอดภาษี (duty free) ฝั่งไทย ด้านการท่องเที่ยว ปัจจุบันนักท่องเที่ยวจีนลดลง จะผลักดันการท่องเที่ยวชุมชน โดยเฉพาะเมืองรอง
ภาคเหนือเสนอแก้ปัญหาเดิม
นายวิโรจน์ จิรัฐิติกาลโชติ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคเหนือ เปิดเผยว่า ข้อเสนอหอการค้าภาคเหนือคือ 1.การแก้ไขปัญหาหมอกควัน ที่กระทบภาคเศรษฐกิจ 1.1 ให้รัฐบาลจัดตั้งหน่วยงานขึ้นดูแลบริหารจัดการเรื่องอากาศโดยเฉพาะ เพราะมีหลายหน่วยงานเกี่ยวข้อง ขาดการบูรณาการและไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรง 1.2 ผลักดันออกกฎหมายอากาศสะอาด (Clean Air Act)2.การบริหารจัดการน้ำ เช่น ลุ่มแม่น้ำยมเป็นลุ่มน้ำเดียวที่ไม่มีเขื่อนกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ เมื่อรัฐไม่สร้างเขื่อนก็ควรต้องมีแก้มลิง อ่างเก็บน้ำขนาดกลางหรือขนาดเล็ก” 3.การค้าชายแดน เสนอผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนมากขึ้น เช่น ขยายเวลาเปิดปิดด่านในแต่ละวัน ให้นานขึ้น
อีสานหนุนท่องเที่ยว-จัดการน้ำ
ในส่วนภาคอีสาน นายสวาท ธีระรัตนนุกูลชัย ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เปิดเผยว่า มี 2 ประเด็นใหญ่ที่ต้องการผลักดัน 1.การบริหารจัดการน้ำท่วมน้ำแล้ง 2.สนับสนุนการท่องเที่ยว ให้ปี 2563 เป็น “ปีแห่งการท่องเที่ยวของภาคอีสาน” ไฮไลต์สำคัญคือ การชูจุดแข็งอย่างท่องเที่ยวริมโขง ท่องเที่ยวชุมชน ชูเส้นทางอารยธรรมขอมที่อีสานใต้ โดยพัฒนาพื้นที่ บุคลากร และการบริการ สร้างมูลค่าเพิ่มมากขึ้น
ภาคกลางดันค้าชายแดนเพิ่ม
สำหรับภาคกลาง ร.อ.จิตร์ ศิรธรานนท์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจพื้นที่ภาคกลาง เปิดเผยว่า สิ่งที่จะเสนอมีหลายประเด็น อาทิ ภาคเกษตรที่พืชผลราคาตกต่ำมากว่า 7 ปี และเรื่องการค้าการบริการ การผลักดันด้านท่องเที่ยวและบริการเชื่อมโยงระหว่างจังหวัด โดยมีกลุ่มภาคกลางตอนล่าง 1 (กาญจนบุรี, นครปฐม, ราชบุรี และสุพรรณบุรี) กลุ่มภาคกลางตอนล่าง 2 (ประจวบคีรีขันธ์, เพชรบุรี, สมุทรสงคราม และสมุทรสาคร) รวมทั้งขอให้รัฐบาลเปิดด่านเจดีย์สามองค์ (กาญจนบุรี) ที่ถูกปิดให้กลับมาเป็นด่านชั่วคราว เพื่อเพิ่มมูลค่าการค้าชายแดนไทย-เมียนมา ทั้งนี้ การค้าชายแดนจะเน้นมากที่สุด แม้จะมีมูลค่าน้อยถ้าเทียบกับภาคเหนือและอีสานแต่ต้องผลักสินค้าไทยออกไปให้ได้ก่อนสินค้าจีนจะเข้ามาตีตลาด