EEC เดินหน้าต่อเนื่อง เผยความคืบหน้า 3 โครงการเด่น "ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน-การแพทย์จีโนมิกส์-การจำกัดขยะในพื้นที่" เป็นไปอย่างราบรื่น

อัปเดตล่าสุด 3 ธ.ค. 2562
  • Share :
  • 720 Reads   
การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 2/2562 เมื่อวันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน 2562 โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ได้รับทราบ และพิจารณาความก้าวหน้า การดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)  มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้
 
 
 
 
 
1.  โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน
จากการลงนามร่วมลงทุนโครงการฯ เมื่อวันที่ 24 ต.ค. 2562 ที่ผ่านมา ได้ดำเนินงานต่อเนื่อง เพื่อให้การพัฒนาโครงการ เป็นไปตามสัญญาร่วมลงทุน โดย
 
1.1  คณะทำงานส่งมอบพื้นที่ ฯ ซึ่งมีปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน ได้ประชุมครั้งที่ 1/2562 เมื่อวันที่ 13 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา พิจารณาแผนเร่งรัดการส่งมอบพื้นที่และรื้อย้ายสาธารณูปโภค ตามที่ กบอ. เห็นชอบ
ในหลักการแล้ว โดยคณะทำงานส่งมอบพื้นที่ฯ ได้พิจารณากิจกรรมที่จำเป็นของทุกหน่วยงาน ได้แก่ กรุงเทพมหานคร(กทม.) การประปานครหลวง(กปน.) การไฟฟ้านครหลวง(กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค(กฟภ.) การปะปาส่วนภูมิภาค(กปภ.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ซึ่งประกอบด้วย การเวนคืน การโยกย้ายผู้บุกรุก การรื้อย้ายสาธารณูปโภค การก่อสร้างทดแทน ช่วงดอนเมือง – พญาไท และลาดกระบัง - อู่ตะเภา และได้กำหนดระยะเวลาทำงานให้สอดรับกับกรอบกำหนดเวลาตามแผนการส่งมอบพื้นที่
 
1.2  พิจารณาแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับดูแล คณะกรรมการบริหารสัญญา และโครงสร้างการบริหารจัดการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน เพื่อให้การบริหารสัญญาโครงการฯ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะช่วงเริ่มต้นโครงการ ฯ ที่มุ่งเน้นการออกแบบและการก่อสร้างเป็นหลัก ซึ่งจะได้นำเสนอ กพอ. พิจารณาต่อไป
 
 
2.  ความก้าวหน้าด้านสาธารณสุขในพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ
 
2.1     จัดตั้งเขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษด้านการแพทย์จีโนมิกส์
  • การยกระดับด้านการแพทย์จีโนมิกส์ วัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมให้เกิดการลงทุน และสร้างความรู้ทางการแพทย์จีโนมิกส์ที่จำเป็นให้แก่ประเทศ นำไปสู่การรักษาพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ให้ประชาชนเข้าถึงการรักษาพยาบาลในระบบหลักประกันสุขภาพ
  • เมดิคัลฮับ ด้านการแพทย์จีโนมิกส์ โดย สกพอ. พิจารณาความเหมาะสมการจัดตั้งพื้นที่เขตส่งเสริมเศรษฐกิจพิเศษ เพื่อกิจการพิเศษด้านการแพทย์จีโนมิกส์ ตามคำขอการจัดตั้งจากมหาวิทยาบูรพา เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับการลงทุนในอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษ และนวัตกรรมเทคโนโลยีขั้นสูง มีพื้นที่โครงการฯ ประมาณ 3.8 ไร่ เป็นอาคารรวม 12 ชั้น พื้นที่อาคารรวมประมาณ 24,000 ตารางเมตร มีการลงทุนในระยะแรก 1,700 ตารางเมตร และมีเงินลงทุนเครื่องมือทางด้านเทคนิคเพื่อนำไปสู่การให้บริการจากเอกชน ประมาณ 1,250 ล้านบาท ภายในเวลา 5 ปี ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมายนักลงทุนจาก สหรัฐอเมริกา เกาหลีใต้ และสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งจะได้นำเสนอ กพอ. พิจารณาต่อไป
2.2     โครงการพัฒนาศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก
  • ที่ประชุม ได้พิจารณาหลักการโครงการพัฒนาศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ ในพื้นที่อีอีซี (Thailand Genome Sequencing Center)  เพื่อสร้างความรู้ พัฒนาการให้บริการด้านแพทย์จีโนมิกส์ (GenomicMedicine) นำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น โดยให้มีหน่วยงานจีโนมิกส์แห่งประเทศไทย (Genomics Thailand) ซึ่งเกิดประโยชน์ด้านการแพทย์ และสาธารณสุข ช่วยดูแลรักษาสุขภาพประชาชนลดภาวะแทรกซ้อน ลดการป่วย และลดค่าใช้จ่ายการรักษาที่ไม่แม่นยำ ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีระดับสูงไว้บริการ ใน Medical Hub และด้านเศรษฐกิจและสังคม ส่งเสริมให้เกิดอุตสาหกรรมการแพทย์ครบวงจรในประเทศไทย
  • เสนอให้ กพอ. เห็นชอบ กรอบวงเงิน 750 ล้านบาท ของโครงการพัฒนาศูนย์บริการทดสอบทางการแพทย์จีโนมิกส์ ให้แก่ กองทุนส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ของกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม ทุกปี เป็นระยะเวลาไม่เกิน 5 ปี เพื่อซื้อบริการถอดรหัสพันธุกรรมทั้งจีโนม จำนวน 50,000 ราย รายละไม่เกิน 15,000 บาท โดยให้ สกพอ. ร่วมกับ สถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข (สวรส.) ดำเนินการคัดเลือกผู้ประกอบการ พร้อมเร่งศึกษารูปแบบ แนวทางการจัดตั้ง และบริหารจัดการ

 

 
 
 
3. การจัดการขยะในพื้นที่อีอีซี อย่างยั่งยืน
จากสถานการณ์ปริมาณขยะมูลฝอยในพื้นที่อีอีซี ที่คาดว่าจะเพิ่มสูงขึ้นจากประมาณ 4,200 ตัน/วัน ในปี 2561 เพิ่มขึ้นเป็น 6,800 ตัน/วัน ในปี 2580 แต่การจัดการขยะในปัจจุบันยังขาดประสิทธิภาพ และไม่เพียงพอกับปริมาณขยะที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ยังคงใช้วิธีฝังกลบ ซึ่งเกิดผลเสียจากปัญหาการใช้พื้นที่เป็นบริเวณกว้างจนไม่สามารถรองรับขยะที่เกิดขึ้น และขยะสะสมใหม่ได้ อีกทั้งเกิดผลกระทบต่อการปนเปื้อนน้ำใต้ดินจากการรั่วซึม ดังนั้น เพื่อให้การบริหารจัดการขยะในพื้นที่อีอีซี เกิดประสิทธิภาพและยั่งยืน
 
3.1  กบอ. จึงได้พิจารณามอบให้ สกพอ.ประสานจังหวัด และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดทำข้อเสนอโครงการจัดการขยะในพื้นที่อีอีซี สู่ต้นแบบการกำจัดขยะอย่างยั่งยืน ทั้งขยะบก ขยะบนเกาะ และขยะในทะเล
 
3.2  ให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน และให้กลุ่มบริษัท ปตท. บริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด มหาชน  (GPSC) เข้าร่วมในการศึกษาเพื่อพัฒนาการลงทุนโครงการบริหารจัดการขยะครบวงจร ในปริมาณตามความต้องการ
ให้จังหวัดในพื้นที่อีอีซี เป็นหน่วยงานหลักร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น จัดหาพื้นที่ที่เหมาะสมสำหรับการจัดตั้งโรงงานขยะ และโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะ โดยให้กระทรวงพลังงานพิจารณารับซื้อไฟฟ้าจากโรงงานผลิตพลังงานไฟฟ้าจากขยะในพื้นที่อีอีซี ซึ่งจะได้นำเสนอ กพอ. พิจารณาต่อไป
 
อ่านบทความ และรับข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่  : www.eeco.or.th