
ดีพร้อม ปี 69 หนุน SME ไทยสู้สงครามการค้า ดันชิ้นส่วนสู่ EV
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม หรือ ดีพร้อม เร่งจัดทำแผนงบฯ ปี 69 รับมือสงครามการค้า หนุนเอสเอ็มอี ปรับตัวใน 7 ด้าน พร้อมเดินหน้าช่วยเหลือในกลุ่มที่มีความเสี่ยงสูง ตลอดจนการยกระดับผู้ประกอบการ ชิ้นส่วนยานยนต์ไทยให้เข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตยานยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (xEV)
กรุงเทพฯ 17 มิถุนายน 2568 - นางสาวณัฏฐิญา เนตยสุภา อธิบดีกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า ภายหลังการประกาศนโยบายการค้าและเศรษฐกิจ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ ดีพร้อมได้มีการจัดทำแผนรับมือกับสงครามการค้าที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (เอสเอ็มอี) โดยบรรจุแผนดำเนินการเหล่านี้ในคำขอโครงการปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 ซึ่งจะให้ความสำคัญกับกลุ่มเป้าหมายที่ได้รับผลกระทบ หรือมีความเสี่ยงสูง เพื่อให้ปรับตัวได้ทันต่อสถานการณ์และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน สำหรับแนวทางการดำเนินงานในปี 2569 ดีพร้อมจะมุ่งส่งเสริม
“Learning & Adaptation เรียนรู้ และปรับตัว” พัฒนาองค์ความรู้ด้านต่าง ๆ เพื่อพร้อมรับการเปลี่ยนแปลง ได้แก่ ด้านกฎหมายการค้าระหว่างประเทศ ทรัพย์สินทางปัญญา ข้อกำหนดใหม่ กฎระเบียบการนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯ ด้านการตลาดดิจิทัล การบริหารจัดการยุคใหม่ การใช้เทคโนโลยี การบริหารความเสี่ยง แผนบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ (BCP) และเรียนรู้แนวทางการปรับกลยุทธ์ธุรกิจ รวมทั้งส่งเสริม “การปรับกลยุทธ์ธุรกิจ” เพื่อให้ผู้ประกอบการปรับตัวใน 7 ด้าน ได้แก่
1.) ส่งเสริมกระจายความเสี่ยงจากตลาดเดียว โดยลดการพึ่งพาตลาดส่งออกตลาดเดียว หาตลาดใหม่ และใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้ากับประเทศต่าง ๆ ให้ได้มากที่สุด
2.) ยกระดับมาตรฐานสินค้า ซึ่งจะผลักดันให้เอสเอ็มอียกระดับมาตรฐานสากล สร้างมูลค่าเพิ่ม และสร้างความสามารถในการแข่งขัน
3.) ใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีและดิจิทัล ในการปรับโมเดลธุรกิจและเข้าร่วมแพลตฟอร์มระหว่างประเทศ
4.) บริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ โดยการปรับกระบวนการผลิตให้ประหยัดพลังงาน ลดการใช้ทรัพยากร และลดความสูญเสีย
5.) ติดตามข่าวสารและวิเคราะห์ความเสี่ยงเชิงนโยบาย โดยการติดตามสถานการณ์ ประเมินผลกระทบต่อสินค้าและธุรกิจ
6.) เตรียมความพร้อมด้านกฎระเบียบและกติกาสากล โดยการทำความเข้าใจกฎ และมาตรการทางการค้าของประเทศปลายทาง
7.) ส่งเสริมการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนของภาครัฐ
นอกจากนี้ ยังได้กำหนดกลุ่มเป้าหมายที่มุ่งเน้นในสาขาอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมาก โดยเฉพาะกลุ่มที่ส่งออกสินค้าไปสหรัฐ เช่น กลุ่มสินค้าเกษตร กลุ่มไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ กลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ กลุ่มอุตสาหกรรมที่ประเทศคู่แข่งโดนภาษีต่ำกว่า และกลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบมากตลอดห่วงโซ่การผลิต เป็นต้น
นางสาวณัฏฐิญากล่าวเพิ่มเติมว่า ในส่วนของอุตสาหกรรมยานยนต์ ซึ่งเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบสงครามการค้า ดีพร้อมจะให้ความสำคัญกับผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศที่ได้รับผลกระทบจากการส่งออกไปยังสหรัฐฯ เป็นอันดับแรก ทั้งในเรื่องของการพัฒนาบุคลากรในด้านต่างๆ และการเข้าให้คำปรึกษาในสถานประกอบการ นอกจากนี้ จะเร่งพัฒนาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศที่ต้องการเข้าสู่ห่วงโซ่การผลิตของยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ให้มีปริมาณเพิ่มมากขึ้น ในขณะเดียวกัน จะเน้นการพัฒนาศักยภาพผู้ผลิตชิ้นส่วนให้สามารถรองรับการขยายตัวของการผลิตรถยนต์ไฮบริด (HEV และ mild HEV) ในอนาคต ซึ่งมาพร้อมกับการลงทุนผลิตชิ้นส่วนไฟฟ้าสำคัญ (e-Parts) ใหม่ๆ ในประเทศหลายชิ้น เช่น Battery, Traction Motor และ Inverter เป็นต้น
#DIPROM #SMEไทยสู้โลก #เศรษฐกิจไทย #EVThailand #อุตสาหกรรมยานยนต์ #อุตสาหกรรมไทย #ปรับตัวสู่อนาคต #MReportTH #IndustryNews
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH