
ส.อ.ท. แนะรัฐปฏิรูปกฎหมาย–ระบบราชการ หนุนขีดความสามารถการแข่งขันไทย
หม่อมหลวงปีกทอง ทองใหญ่ รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 46 ในเดือนกันยายน 2568 ภายใต้หัวข้อ “มุมมองต่อขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศไทยกับคู่แข่งในภูมิภาค”
- ส.อ.ท. เผยผลสำรวจ FTI CEO Poll ชี้โรงงานศูนย์เหรียญกระทบหนักอุตสาหกรรมไทย ชื่นชม “ทีมสุดซอย” กระทรวงอุตฯ เร่งปราบจริงจัง
- ก.อุตฯ ลุยปราบเหล็กตกเกรด อายัด 40,000 ตัน ล้างบางธุรกิจศูนย์เหรียญ
กรุงเทพฯ 6 ตุลาคม 2568 – จากผลสำรวจพบว่า ผู้บริหาร ส.อ.ท. ประเมินว่าขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทย เมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค ยังอยู่ในระดับปานกลาง ทั้งในด้านต้นทุนการผลิต ความสามารถด้านเทคโนโลยี การเข้าถึงตลาด ผลิตภาพแรงงาน และการจัดการสิ่งแวดล้อม โดยส่วนใหญ่เห็นว่าไทยมีข้อได้เปรียบจากทำเลที่ตั้งและโครงสร้างพื้นฐานที่ได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ปัญหากฎหมายที่ล้าสมัย มีความซับซ้อน และการปฏิรูประบบราชการที่ยังไม่จริงจัง ถือเป็นจุดอ่อนสำคัญที่ฉุดรั้งศักยภาพทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้การขยายตัวของ GDP ไทยต่ำกว่าที่ควรจะเป็น โดยในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา GDP ไทยเติบโตเพียง 2.8% ซึ่งนับว่าต่ำที่สุดในอาเซียน
ผู้บริหาร ส.อ.ท. จึงเสนอให้ภาครัฐเร่งปฏิรูปกฎหมายและกฎระเบียบ พร้อมทั้งพัฒนาระบบราชการให้มีความโปร่งใส คล่องตัว และทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคม โดยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและระบบอัตโนมัติมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการอนุมัติอนุญาต จะช่วยลดขั้นตอนที่ซับซ้อน ลดต้นทุนเวลาและค่าใช้จ่ายทั้งของรัฐและเอกชน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพการให้บริการประชาชน ซึ่งจะเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการสร้างความเชื่อมั่นต่อการลงทุน และยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศในระยะยาว
จากการสำรวจผู้บริหาร ส.อ.ท. (CEO Survey) จำนวน 145 ท่าน ครอบคลุม 47 กลุ่มอุตสาหกรรม และ 76 สภาอุตสาหกรรมจังหวัด สามารถสรุปผลการสำรวจ FTI CEO Poll ครั้งที่ 46 จาก 6 คำถามได้ดังนี้
1.) เรื่องใดเป็นจุดแข็งของประเทศไทย เมื่อเทียบกับคู่แข่งในภูมิภาค
- อันดับ 1 : ความได้เปรียบด้านที่ตั้งและความพร้อมด้านโครงสร้างพื้นฐาน 73.8%
- อันดับ 2 : ศูนย์กลางการผลิตอาหารและสินค้าเกษตรระดับโลก 40.7%
- อันดับ 3 : ห่วงโซ่อุปทานและฐานการผลิตที่ครบวงจร 31.7%
- อันดับ 4 : จุดมุ่งหมายด้านการท่องเที่ยวในภูมิภาค 28.3%
2.) เรื่องใดเป็นจุดอ่อนของประเทศไทยที่ทำให้ GDP ขยายตัวต่ำกว่าประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
- อันดับ 1 : กฎหมายที่ล้าสมัย ซับซ้อน และขาดการปฏิรูประบบราชการ 91.2%
- อันดับ 2 : ความล่าช้าในการดำเนินนโยบายและการลงทุนโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ 51.3%
- อันดับ 3 : การพึ่งพาอุตสาหกรรมดั้งเดิมที่มีมูลค่าไม่สูง 46.9%
- อันดับ 4 : การเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุและปัญหาหนี้ครัวเรือน 43.4%
3.) ขีดความสามารถในการแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยอยู่ในระดับใดเมื่อเทียบกับประเทศคู่แข่งในภูมิภาค
4.) ปัจจัยเรื่องใดที่บั่นทอนขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
- อันดับ 1 : การขาดแคลนแรงงานทักษะสูง และการพัฒนากำลังคน 57.2%
- อันดับ 2 : การขาดการพัฒนาสินค้าทำให้ได้รับความนิยมลดลง ผลกระทบจาก 45.5%
- อันดับ 3 : การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยีที่ส่งผลต่อการดำเนินธุรกิจ 44.8%
- อันดับ 4 : มาตรการทางการค้าของประเทศมหาอำนาจ 40.0%
5.) ภาครัฐควรเร่งดำเนินการในเรื่องใด เพื่อยกระดับขีดความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทย
- อันดับ 1 : การปฏิรูปกฎหมายกฎระเบียบ และพัฒนาระบบราชการ 66.9%
- อันดับ 2 : การปรับโครงสร้างต้นทุนการผลิตให้สามารถแข่งขันได้ 51.0%
- อันดับ 3 : การส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรม 42.8%
- อันดับ 4 : การยกระดับผลิตภาพแรงงานและพัฒนากำลังคนด้วยการ 33.1%
6.) อุตสาหกรรมเป้าหมายใด (S-Curve) จะเป็นเครื่องยนต์หลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต
- อันดับ 1 : การเกษตรและเทคโนโลยีชีวภาพ 34.5%
- อันดับ 2 : การท่องเที่ยวกลุ่มรายได้ดีและการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ 34.5%
- อันดับ 3 : การแพทย์ครบวงจร 26.9%
- อันดับ 4 : การแปรรูปอาหาร 22.8%
- อันดับ 5 : ยานยนต์สมัยใหม่ 20.0%
- อันดับ 6 : อิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะ 18.6%
#กระทรวงอุตสาหกรรม #โรงงานเถื่อน #นิคมจีนศูนย์เหรียญ #ทีมสุดซอย #ขยะอิเล็กทรอนิกส์ #ฟรีโซน #MReportTH #IndustryNews
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ 2567
- 10 อันดับธุรกิจดาวรุ่ง ปี 2568
- คาร์บอนเครดิต คือ
- ยอดขายมอเตอร์ไซด์ 2567
- “ยานยนต์ไร้คนขับ” กับทิศทางการเติบโตในปี 2022-2045
- ยอดลงทุนปี 67 ทะลุ 1 ล้านล้านบาท สูงสุดเป็นประวัติการณ์
- ยอดจดทะเบียนใหม่ยานยนต์ไฟฟ้า 2567
- สถิติส่งออกกลุ่มยานยนต์และชิ้นส่วนไทยปี 2567
- เทคโนโลยีในงานโลจิสติกส์ มีอะไรบ้าง
- 5 เทคนิค “มือใหม่ใช้เครื่อง CNC”
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / X / YouTube @MreportTH