กนอ. เผย 3 กลไกขับเคลื่อนประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ ตอบโจทย์องค์กรเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

อัปเดตล่าสุด 26 ก.ค. 2563
  • Share :

การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เดินหน้าโครงการประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco–Efficiency) ตามแนวปฏิบัติที่ดี ISO 14045 (มาตรฐานด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม) ผ่าน 3 กลไกหลัก คือ ลดการใช้วัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และเพิ่มผลิตภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการ โดยพิจารณาจากการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เผยนิคมอุตสาหกรรม 3 แห่ง มีค่าเฉลี่ยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลดลง ตอบโจทย์เป้าหมายการดำเนินธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) ตามนโยบาบรัฐบาล 
 
นางสาวสมจิณณ์ พิลึก ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) เปิดเผยว่า กนอ.มีนโยบายขับเคลื่อนการดำเนินงานของ กนอ.เพื่อมุ่งเป้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development Goals : SDGs) โดยกำหนดให้มีการดำเนินงานเพื่อสร้างประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ หรือ Eco-Efficiency ตามแนวปฏิบัติ ISO 14045 ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรฐานการด้านการจัดการสิ่งแวดล้อม (ISO 14000) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อลดการบริโภคทรัพยากร หมายรวมถึง ลดการใช้วัตถุดิบตั้งต้นในการผลิต เช่น พลังงาน และน้ำ ส่งเสริมการใช้ซ้ำและการนำกลับมาใช้ใหม่ของผลิตภัณฑ์ ลดผลกระทบที่มีต่อสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยของเสีย ได้แก่ น้ำเสีย อากาศเสีย ขยะ และสารพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม เพิ่มผลิตภาพของผลิตภัณฑ์และการบริการเพื่อให้ผู้บริโภคได้รับผลประโยชน์จากผลิตภัณฑ์ สินค้า และบริการสูงสุด โดยส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติน้อยที่สุด
 
กนอ.ใช้หลักการประเมินประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) มาบริหารจัดการองค์กรให้มีศักยภาพในการแข่งขันมากขึ้น ควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมบนแนวคิด“การพัฒนาที่ยั่งยืน”โดยนำร่องการดำเนินงานในนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง 12 แห่ง ท่าเรืออุตสาหกรรม 1 แห่ง รวมทั้ง กนอ.สำนักงานใหญ่ โดยปรับปรุงการให้บริการสาธารณูปโภค โดยพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อมในรูปการปล่อยก๊าซเรือนกระจก เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงและเพิ่มค่า Eco-Efficiency ของ กนอ.
 
“การประเมินค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-efficiency) ของ กนอ.ประเมินจากการวิเคราะห์สัดส่วนระหว่างรายได้จากการให้บริการสาธารณูปโภค (หน่วยเป็นบาท) ต่อผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมในรูปก๊าซเรือนกระจกที่เกิดจากการให้บริการสาธารณูปโภค (kg CO2e)จากนิคมอุตสาหกรรมที่ กนอ.ดำเนินการเอง โดยในปี 62 พบว่าค่าประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ(Eco-efficiency) ของนิคมอุตสาหกรรมสูงสุด 3 ลำดับแรก คือ นิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด นิคมอุตสาหกรรมแหลมฉบัง และท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด มีค่าเพิ่มขึ้น สะท้อนให้เห็นว่ามีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในนิคมอุตสาหกรรมลดลงจากการลดปริมาณการใช้ไฟฟ้า เช่น การเปลี่ยนหลอดไฟฟ้าเป็นหลอดประหยัดพลังงาน การติดตั้งระบบควบคุมปริมาณการใช้ไฟฟ้าของปั๊มสูบจ่ายน้ำประปา นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับองค์กรได้อีกด้วย” นางสาวสมจิณณ์ พิลึก กล่าว
 
แนวคิดประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจ (Eco-Efficiency) ริเริ่มโดยสภาธุรกิจโลกเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (World Business Council for Sustainable Development หรือ WBCSD) ที่ได้กำหนดแนวทางให้การประกอบการด้านธุรกิจประสบความสำเร็จในเชิงนิเวศเศรษฐกิจ 7 ประการด้วยกัน ประกอบด้วย 1) ลดการใช้ทรัพยากรหรือวัตถุดิบในการผลิต และการบริการ 2) ลดการใช้พลังงานในการผลิต และการบริการ 3) ลดการระบายสารพิษออกสู่สิ่งแวดล้อม 4) เสริมสร้างศักยภาพการนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ 5) ส่งเสริมการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน 6) เพิ่มอายุของผลิตภัณฑ์ และ7) เพิ่มระดับการให้บริการแก่ผลิตภัณฑ์และเสริมสร้างธุรกิจบริการ
 
“กนอ.นำหลักในการเพิ่มประสิทธิภาพเชิงนิเวศเศรษฐกิจมาใช้กับทุกนิคมอุตสาหกรรม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการแข่งขันด้านศักยภาพการผลิตและการบริการ ตอบสนองความต้องการของประชาชนและนำมาซึ่งการยกระดับคุณภาพชีวิต โดยที่การแข่งขันนั้นจำเป็นต้องตระหนักถึงผลกระทบที่มีต่อระบบนิเวศ ภายใต้แนวคิดการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ และบริการให้มากขึ้น โดยใช้ทรัพยากรธรรมชาติและลดการเกิดของเสียหรือมลภาวะให้น้อยลง”ผู้ว่าการ กนอ. กล่าวปิดท้าย

อ่านต่อ:
ฟื้นเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน กนอ.อัดโปรพิเศษลดค่าเช่า-เพิ่มอุตใหม่