สนามบินอู่ตะเภาเปิดหรือยัง 2565 สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา, โครงการสนามบินอู่ตะเภา และเมืองการบินภาคตะวันออก

กองทัพเรือ–UTA ลงนาม MOU การใช้ประโยชน์ “สนามบินอู่ตะเภา” และ “สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา”

อัปเดตล่าสุด 22 ก.ย. 2565
  • Share :

กองทัพเรือ–UTA ลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการใช้ประโยชน์ “สนามบินอู่ตะเภา” กองทัพเรือ และ “สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา” ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกร่วมกัน

วันที่ 21 กันยายน 2565 พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้แทนจากกองทัพเรือ และนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร ผู้แทนจากบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ได้ลงนามในบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการใช้ประโยชน์ “สนามบินอู่ตะเภา” กองทัพเรือ และ “สนามบินนานาชาติอู่ตะเภา” ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกร่วมกัน (Joint Use Agreement: JUA) ณ อาคารราชนาวิกสภา กองทัพเรือ โดยมีนายธาริศร์  อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ร่วมลงนามเป็นพยาน

พลเรือเอก สมประสงค์ นิลสมัย ผู้บัญชาการทหารเรือ กล่าวว่า บันทึก JUA ถือเป็นส่วนหนึ่งของข้อกำหนดในสัญญาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) (คู่สัญญาฝ่ายรัฐ) กับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (บริษัท UTA) (เอกชนคู่สัญญา) ซึ่งทางวิ่งที่ ๑ สนามบินอู่ตะเภา กองทัพเรือได้ใช้ประโยชน์ในด้านความมั่นคงมาโดยตลอด แต่เพื่อการสนับสนุนการพัฒนาประเทศและเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของประเทศตามนโยบายของรัฐบาล จึงได้ใช้งานในเชิงพาณิชย์ควบคู่กันไป ตามโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก ที่ผ่านมากองทัพเรือได้มีการเจรจากับบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) มาอย่างต่อเนื่อง จนบรรลุวัตถุประสงค์ร่วมกัน ซึ่งบันทึกข้อตกลงฉบับนี้จะนำไปสู่ผลสัมฤทธิ์และเกิดประโยชน์ร่วมกันทั้ง ๒ ฝ่าย ต่อไป

นายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด กล่าวว่า การจัดทำบันทึกข้อตกลง JUA ร่วมกันในครั้งนี้ ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญที่จะช่วยยกระดับสนามบินอู่ตะเภา ให้เป็นสนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ ๓ และจะทำให้บริษัทฯ สามารถใช้ทางวิ่งที่ ๑ สนามบินอู่ตะเภา เพื่อการใช้งานเชิงพาณิชย์และเพื่อสนับสนุนการให้บริการของโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออกรวมถึงสิทธิอื่น ๆ ที่กำหนดไว้ในบันทึกข้อตกลง JUA โดยไม่กระทบกับพันธกิจและการปฏิบัติภารกิจของกองทัพเรือ

ที่สำคัญการลงนามในครั้งนี้ จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยยกระดับความสามารถด้านการแข่งขันของอุตสาหกรรมการบินของประเทศไทย ให้เติบโตขึ้นอย่างมากและเป็นที่รู้จักทั่วโลก ผ่านความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างบรรยากาศการลงทุนที่ดีให้กับภาคเอกชน ทั้งในประเทศและต่างประเทศให้ขยายการลงทุนมาสู่พื้นที่อีอีซี ทำให้เกิดการสร้างรายได้และการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนโดยเฉพาะการเป็น “ศูนย์กลางอุตสาหกรรมท่องเที่ยว และ Logistics & Aviation" รวมถึงการเป็นศูนย์กลางของ “มหานครการบินภาคตะวันออก" เพื่อสานต่อเจตนารมณ์การพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ดที่ต้องการให้เกิดเมืองท่าและเมืองธุรกิจสำคัญของประเทศไทย

ด้าน นายธาริศร์ อิสสระยั่งยืน รองเลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก กล่าวว่า โครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก เป็นโครงการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน (Public-Private Partnership: PPP) โดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) ได้มีการลงนามสัญญาร่วมลงทุนกับ บริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด (UTA) ไปเมื่อวันศุกร์ที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓  ถือเป็นหนึ่งในโครงการโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เพื่อยกระดับสนามบินอู่ตะเภาเป็น “สนามบินนานาชาติเชิงพาณิชย์หลักแห่งที่ ๓ ของกรุงเทพ” โดยมีโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา 

การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก จะมี ๒ ทางวิ่ง โดยปัจจุบันทางวิ่งที่ ๑ กองทัพเรือเป็นผู้มีสิทธิใช้ประโยชน์ ในส่วนทางวิ่งที่ ๒ และทางขับที่เกี่ยวข้อง รัฐมีหน้าที่ดำเนินการก่อสร้างเพื่อให้เอกชนร่วมลงทุนใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์ และเอกชนมีหน้าที่พัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้มีศักยภาพในการรองรับผู้โดยสารได้ ๖๐ ล้านคนต่อปี การลงนาม JUA ในครั้งนี้ จึงมีวัตถุประสงค์เพื่อบันทึกข้อตกลงการใช้ประโยชน์ทางวิ่งที่ ๑ เพื่อให้กองทัพเรือซึ่งมีภารกิจทางด้านความมั่นคง และเอกชนร่วมลงทุนซึ่งมีหน้าที่ในการดำเนินงานสนามบินเชิงพาณิชย์ สามารถร่วมกันใช้ประโยชน์สนามบินอู่ตะเภาได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยให้มีความสอดคล้องกับภารกิจและวัตถุประสงค์ของทั้งสองฝ่าย

การลงนาม JUA ระหว่างกองทัพเรือและบริษัท อู่ตะเภา อินเตอร์เนชั่นแนล เอวิเอชั่น จำกัด จึงถือเป็นความสำเร็จที่สำคัญอีกขั้นของการดำเนินโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก โดย สกพอ. ในฐานะคู่สัญญาฝ่ายรัฐของโครงการฯ ตระหนักถึงความสำคัญและสนับสนุนให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน เพื่อให้เป็นไปตามนโยบายการร่วมลงทุนระหว่างรัฐและเอกชน และนโยบายของรัฐบาลอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไปในอนาคต 

 

บทความยอดนิยม 10 อันดับ

 

อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th   

Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH