ไทย - อินเดีย ถก JTC ครั้งแรกในรอบ 17 ปี! หวังใช้ปลดล็อกอุปสรรคการค้าการลงทุน

ไทย - อินเดีย ถก JTC ครั้งแรกในรอบ 17 ปี! หวังใช้ปลดล็อกอุปสรรคการค้าการลงทุน

อัปเดตล่าสุด 14 ธ.ค. 2563
  • Share :

ไทย - อินเดีย ฟื้นการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (JTC) ครั้งแรกในรอบ 17 ปี แก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้า พร้อมขอให้อินเดียพิจารณาเรื่องข้อจำกัดนำเข้าสินค้าไทยหลายรายการ และชวนจัดสัมมนาออนไลน์สร้างความเข้าใจระเบียบศุลกากรด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้าของอินเดีย เล็งร่วมมือขยายมูลค่าการค้าสินค้าและบริการเพิ่ม อาทิ สิ่งทอ เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา การดูแลสุขภาพ และท่องเที่ยว

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2563 ได้เป็นประธานร่วมการประชุมคณะกรรมการร่วมทางการค้า (Joint Trade Committee: JTC) ไทย - อินเดีย (ระดับเจ้าหน้าที่อาวุโส) ครั้งที่ 12 ร่วมกับนายอนันต์ ซวาลัป อธิบดีกรมพาณิชย์ ฝ่ายกิจการอาเซียนของอินเดีย ซึ่งไม่ได้จัดประชุมมานานกว่า 17 ปี เนื่องจากในช่วงดังกล่าวไทยและอินเดียมีการเจรจาจัดทำความตกลงการค้าเสรี (FTA) ไทย - อินเดีย และ FTA อาเซียน - อินเดีย ซึ่งเมื่อ FTA ดังกล่าวมีผลใช้บังคับมาระยะหนึ่ง ทั้งสองฝ่ายจึงเห็นพ้องที่จะฟื้นการประชุม JTC เพื่อเป็นเวทีหารือเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุน รวมทั้งแก้ไขปัญหาอุปสรรคทางการค้าระหว่างกัน

ไทยได้หยิบยกข้อกังวลของผู้ประกอบการไทยเรื่องประกาศของอินเดีย ที่ได้จำกัดการนำเข้าสินค้าไทยหลายรายการ อาทิ ยางล้อ โทรทัศน์สี เครื่องปรับอากาศ ยางพารา ไม้ตัดดอก และเครื่องสำอาง รวมถึงได้กำหนดมาตรฐานใหม่ของสินค้าเคมีภัณฑ์และปุ๋ย ซึ่งอินเดียรับทราบประเด็นที่ไทยมีความกังวล และจะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาทางออกร่วมกับไทยต่อไป

นอกจากนี้ ไทยยังได้หยิบยกประเด็นการใช้ระเบียบศุลกากรด้านกฎถิ่นกำเนิดสินค้าใหม่ของอินเดียที่กำหนดให้ผู้นำเข้าต้องระบุข้อมูลทางธุรกิจอย่างละเอียด เพื่อยืนยันถิ่นกำเนิดสินค้าตามแบบฟอร์มรับรองถิ่นกำเนิดของอินเดีย (Form I) ซึ่งผู้ส่งออกไทยได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้นำเข้าขอให้ส่งข้อมูลที่เกี่ยวข้อง ซึ่งบางเรื่องอาจเป็นข้อมูลความลับทางธุรกิจ อินเดียเห็นว่าปัญหาดังกล่าวอาจเกิดจากความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ดังนั้นเพื่อสร้างความเข้าใจกับผู้ส่งออกไทยในเรื่องดังกล่าว ไทยได้ขอให้อินเดียร่วมจัดสัมมนาออนไลน์ (Webminar) เพื่อให้ผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทยได้รับทราบคำชี้แจง และมีโอกาสสอบถามกับผู้เชี่ยวชาญด้านศุลกากรของอินเดียโดยตรง เพื่อสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องต่อไป

นางอรมน เพิ่มเติมว่า ไทยยังได้เชิญชวนผู้ประกอบการอินเดียเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของไทย ที่จะจัดในอินเดีย ช่วงเดือน มิ.ย. – ส.ค. 2564 อาทิ งาน Top Thai Brands ที่เมืองปูเน่ รัฐมหาราษฏระ เมืองสุรัต รัฐคุชราต เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังกานา เมืองเจนไน รัฐทมิฬนาฑู และกรุงนิวเดลี ตลอดจนงานที่จัดในไทยผ่านระบบออนไลน์และออฟไลน์ อาทิ งาน Bangkok Gems and Jewelry ในเดือน ก.พ. 2564 งาน THAIFEX-ANUGA ASIA ในเดือน มี.ค. 2564 และงาน Multimedia Online Virtual Exhibition (M.O.V.E) ในเดือน พ.ค. 2564 นอกจากนี้ ยังได้แลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับสินค้าและบริการที่อาจเพิ่มความร่วมมือ เพื่อขยายมูลค่าทางการค้าระหว่างกัน อาทิ สิ่งทอ เทคโนโลยีสารสนเทศ การศึกษา การดูแลสุขภาพ และการท่องเที่ยว ซึ่งต้องหารือในรายละเอียดกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป

ทั้งนี้ ในปี 2562 การค้าระหว่างไทย – อินเดีย มีมูลค่า 12,147 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอินเดีย มูลค่า 7,340 ล้านเหรียญสหรัฐ และไทยนำเข้าจากอินเดีย มูลค่า  4,821.18 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับในเดือน ม.ค. – ต.ค. 2563 การค้ารวมมีมูลค่า 7,871 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยไทยส่งออกไปอินเดีย มูลค่า 4,390 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้าจากอินเดีย มูลค่า 3,480 ล้านเหรียญสหรัฐ สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ อัญมณีและเครื่องประดับ เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ และเหล็กกล้า สินค้านำเข้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องเพชรพลอย เครื่องจักรและส่วนประกอบ เคมีภัณฑ์ เหล็กกล้า และผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม

 

อ่านต่อ: