กบอ. เร่งจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรพื้นที่ EEC ยกระดับเทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ

อัปเดตล่าสุด 13 มิ.ย. 2563
  • Share :

การประชุมคณะอนุกรรมการบริหารการพัฒนาเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กบอ.) ครั้งที่ 3/2563 วันพฤหัสบดีที่ 11 มิถุนายน 2563 โดยมี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธาน ณ ห้องประชุมวายุภักษ์ 4 อาคารสำนักงานปลัดกระทรวงการคลัง ได้รับทราบและพิจารณาความก้าวหน้าการดำเนินงานในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) มีรายละเอียดที่สำคัญ ดังนี้ 
            
1. การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ อีอีซี 
 
ที่ประชุม กบอ. รับทราบ การดำเนินการช่วงสถานการณ์ภัยแล้งที่ผ่านมา โดย สำนักงานทรัพยากร
น้ำแห่งชาติ (สทนช.) กรมชลประทาน สกพอ. หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและภาคเอกชน ได้ร่วมกันรองรับด้วยมาตรการเร่งด่วน 8 โครงการ ร่วมกับ 4 มาตรการเสริม อาทิ เติมน้ำให้อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง โดยสูบผันน้ำจากท่อผันน้ำอ่างประแสร์- คลองใหญ่ เติมน้ำให้อ่างเก็บน้ำประแสร์ จ.ระยอง โดยปันน้ำจากอ่างเก็บน้ำประแกด จ.จันทบุรี เติมน้ำให้กับอ่างเก็บน้ำบางพระ จ.ชลบุรี และขอความร่วมมือลดใช้น้ำจากทุกภาคส่วนในพื้นที่ 10 %  ซึ่งช่วยให้พื้นที่อีอีซี ผ่านพ้นวิกฤตภัยแล้งได้ด้วยดี
 
โดยแนวนโยบายต่อไป รองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ได้มอบนโยบาย เพื่อให้เกิดความมั่นคงด้านน้ำ และรองรับภัยแล้งในปีต่อๆ ไป ได้แก่ วางแผนและบริหารจัดการน้ำให้เพียงพอในฤดูแล้งหน้าปี 2563/2564 เพิ่มความจุอ่างเก็บน้ำ และสูบกลับน้ำเพื่อเก็บน้ำให้มากที่สุด ภาคอุตสาหกรรมควรมีแหล่งน้ำของตนเอง ดำเนินการด้าน 3Rs และ CSR ต่อสังคม โครงการพัฒนาพื้นที่ขนาดใหญ่ ต้องมีแหล่งน้ำสำรอง และผลักดันการทำประปาหมู่บ้านไม่พึ่งแหล่งน้ำจากน้ำฝน    ซึ่งมอบหมายให้ สทนช. ติดตามและเร่งรัดการพัฒนาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำทุกภาคส่วน เพื่อทำให้พื้นที่อีอีซี เกิดความมั่นคงด้านน้ำ ทั้งในภาคอุตสาหกรรมและการบริโภคอย่างยั่งยืน
 
2. โครงการจัดหาพลังงานสะอาด (พลังงานแสงอาทิตย์) ในพื้นที่อีอีซี ที่ประชุม กบอ. รับทราบ ความก้าวหน้าโครงการ ฯ ดังนี้ 
 
1.) ให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เสนอโครงการพลังงานที่ใช้ในเมืองใหม่ รูปแบบพลังงานอัจฉริยะ (Smart Power Supply : SPS) ในลักษณะการผลิตไฟฟ้าเพื่อใช้เอง หรือ Independent Power Supply (IPS) ซึ่งมอบหมายให้ บริษัท พีอีเอ เอ็นคอม อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ผลิตไฟฟ้าเพื่อส่งให้ กฟภ. รับซื้อ และส่งจำหน่ายสำหรับใช้ในเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ 
2.) อัตราค่าไฟฟ้าที่จะใช้ในเมืองใหม่น่าอยู่อัจฉริยะ จะไม่สูงกว่าราคาไฟฟ้าทั่วไปที่ กฟภ. ขายให้กับผู้ใช้ไฟฟ้ารายอื่น ๆ 
 
3. การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่อีอีซี ที่ประชุม กบอ. รับทราบ การจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่อีอีซี เป้าหมาย ยกระดับรายได้เกษตรกรให้เทียบเท่ากลุ่มอุตสาหกรรมและบริการ โดยแนวทางการพัฒนาภาคเกษตรในพื้นที่อีอีซี ได้แก่
 
1.ใช้ความต้องการนำการผลิต 

  • ความต้องการในประเทศ: รองรับมหานครการบินภาคตะวันออก เมืองใหม่ และการท่องเที่ยว 
  • ความต้องการในต่างประเทศ: สำรวจตลาดหาความต้องการเอเชีย CLMV และยุโรป ที่มีความต้องการสูง
  • สร้างความต้องการด้วยการพัฒนาสินค้าใหม่

2. ยกระดับการตลาด-การแปรรูป-การเกษตร ด้วยเทคโนโลยีในทุกขั้นตอน

  • สร้างตลาดด้วยกลไก E-Commerce E-Auction ขายไปทั่วโลก 
  • เชื่อมระบบโลจิสติกส์ ตั้งแต่ส่งออก-ขายในประเทศ-จนถึงการรวมสินค้าระดับฟาร์ม ให้สะดวกระดับสากล
  • แปรรูปด้วยเทคโนโลยีทันสมัย ได้สินค้าคุณภาพมาตรฐานระดับโลก
  • เก็บรักษาผลไม้ อาหารทะเล ด้วยระบบห้องเย็น
  • ปรับกระบวนการในฟาร์มให้ผลิตสินค้าตรงกับตลาด 
  • สร้างงานวิจัยเชิงด้านเทคโนยีที่ใช้งานได้จริงตรงกับความต้องการในทุกขั้นตอน ตั้งแต่ หีบห่อ  การแปรรูป  การปลูก การควบคุมความเสี่ยงจากภูมิอากาศ
  • จัดกลุ่มเกษตรกร จัดทำโซนนิ่ง เพื่อสะดวกในการเสริมสร้างความรู้ใหม่  การตลาด-การผลิต-การเงิน 

 
3. ให้ความสำคัญกับ 5 คลัสเตอร์ที่มีพื้นฐาน ทำได้ทันที ทั้งผลไม้ - พืช Bio-Based3 - ประมง - สมุนไพร - พืชมูลค่าสูง (เช่น ไม้ประดับ/ผักปลอดสารพิษ) ทั้งนี้ ได้แต่งตั้งคณะทำงานจัดทำแผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่อีอีซี ที่มีปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธาน และมีผู้แทนจาก สกพอ. เป็นเลขานุการร่วม

 
4. แนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมในพื้นที่อีอีซี  
 
ตามที่กลุ่มบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่อีอีซี จากประเทศญี่ปุ่น อาทิ หอการค้าประเทศญี่ปุ่น (Japanese Chamber of Commerce : JCC) และองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (JETRO) ภาคธุรกิจจากสาธารณรัฐเกาหลี และประเทศอื่นที่เกี่ยวข้องกับภาคอุตสาหกรรม ได้ยื่นหนังสือถึงภาครัฐ ขอให้ผ่อนคลายการเดินทางเข้าประเทศ เพื่อวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ รวมถึงการส่งช่างเทคนิค เข้ามาตรวจสอบซ่อมบำรุงเครื่องจักรในอุตสาหกรรม และเพื่อสนับสนุนการลงทุนในพื้นที่ต่อเนื่อง
 
ทั้งนี้ สถานการณ์โควิด-19 ในประเทศไทยและต่างประเทศปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลได้มีมาตรการผ่อนปรนในระยะต่างๆ ดังนั้น เพื่อรองรับบุคลากรภาคธุรกิจในพื้นที่อีอีซี ในช่วงระยะการฟื้นตัวของประเทศ สกพอ. จึงมีแนวทางผ่อนปรนการเดินทางเข้าประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างหารือกับกระทรวงการต่างประเทศ สร้างภาคีเครือข่ายระหว่างองค์กร บุคลากรทางการแพทย์ในประเทศต้นทางกับสถานเอกอัครราชทูตไทย หรือสถานกงสุลใหญ่ จัดให้มีการตรวจและออกใบรับรองแพทย์ ที่ยืนยันว่าผู้เดินทางมีสุขภาพเหมาะสมกับการเดินทางทางอากาศ (Fit to Fly) รวมทั้งหารือกับกระทรวงสาธารณสุข พิจารณากำหนดประเทศต้นทาง และจำนวนบุคลากรที่จะอนุญาตให้เดินทางเข้าประเทศในแต่ละช่วงเวลา การกำหนดมาตรการกักกัน Flexible Alternative Quarantine ให้ผู้เดินทางเข้าประเทศสามารถทำภารกิจที่จำเป็นได้ และร่วมกันพิจารณาขึ้นทะเบียน สถานกักตัวทางเลือก Alternative State Quarantine เพิ่มเติมในพื้นที่อีอีซี ที่บุคลากรในโรงพยาบาลเอกชนสามารถสื่อสารภาษากับประเทศต้นทางได้ เพื่ออำนวยความสะดวกยิ่งขึ้น