แจ้งเตือน "สินค้านำเข้า 7 กลุ่ม" ต้องซื้อใบรับรอง CBAM ของอียู ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งแต่ 1 ม.ค. 69
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ผนึกกำลังพันธมิตรจัดสัมมนาสร้างความรู้ความเข้าใจและรับฟังความเห็น เตรียมรับมือมาตรการ CBAM ของสหภาพยุโรป (อียู) นำทีมผู้เชี่ยวชาญจากภาครัฐและเอกชนร่วมแลกเปลี่ยนมุมมอง ทั้งการเตรียมรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ข้อกังวลของภาคธุรกิจไทย ด้านอียูเตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลและให้คำแนะนำกับผู้ประกอบการไทย ช่วงปลาย ก.ย.นี้
วันที่ 5 กันยายน 2566 - นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาสร้างความรู้และรับฟังความเห็นภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เรื่องมาตรการ CBAM (Carbon Border Adjustment Mechanism) ของสหภาพยุโรป (อียู) ณ โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ ว่า กรมได้ร่วมกับองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) (อบก.) สถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) เพื่อเตรียมความพร้อมให้กับผู้ที่เกี่ยวข้อง รับมือการออกประกาศใช้มาตรการ CBAM กับสินค้านำเข้า 7 กลุ่ม ได้แก่ เหล็กและเหล็กกล้า อะลูมิเนียม ซีเมนต์ ปุ๋ย ไฟฟ้า ไฮโดรเจน และผลิตภัณฑ์ปลายน้ำ บางรายการด้วย เช่น นอตและสกรูที่ทำจากเหล็กและเหล็กกล้า และสายเคเบิลที่ทำจากอะลูมิเนียม) ซึ่งกำหนดให้ผู้นำเข้าสินค้าดังกล่าว ในช่วงวันที่ 1 ตุลาคม 2566 - 31 ธันวาคม 2568 จะต้องแจ้งข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2569 ผู้นำเข้าจะต้องซื้อ “ใบรับรอง CBAM” ตามปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- Carbon Tax & Carbon War ผู้ประกอบการไทยเตรียมพร้อมรับมืออย่างไรแล้วบ้าง
- ‘ภาษีคาร์บอน’ คืออะไร ผู้ประกอบการไทยต้องจ่ายหรือไม่
- EU เตรียมดีเดย์ 'มาตรการภาษีคาร์บอนก่อนเข้าพรมแดน' 1 ต.ค. 66 สศอ. แนะผู้ประกอบการเตรียมพร้อมรับมือ
นางอรมน กล่าวว่า การสัมมนาครั้งนี้ กรมได้นำผู้เชี่ยวชาญทั้งจากภาครัฐและเอกชน แลกเปลี่ยนมุมมองต่อการเตรียมรับมือมาตรการ CBAM ของอียู ทั้งการเตรียมรายงานข้อมูลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก การตรวจสอบรับรองการรายงานของภาคเอกชน โดยหน่วยงานสอบทาน (verification and accreditation) และข้อห่วงกังวลของภาคธุรกิจไทย อาทิ การรายงานข้อมูลที่อาจเป็นความลับด้านเทคโนโลยี ความพร้อมและสถานการณ์ที่แตกต่างกันของแต่ละประเทศ โดยควรให้ความยืดหยุ่นกับประเทศกำลังพัฒนา และเพิ่มระยะเวลาในการรายงานและปรับแก้ข้อมูลมากขึ้น เนื่องจากการรายงานข้อมูลมีความซับซ้อนและมีหลักเกณฑ์การลงโทษสำหรับการรายงานข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง รวมทั้งประเด็นที่ภาคธุรกิจไทยต้องการได้รับการสนับสนุนจากอียู เช่น การสนับสนุนทางเทคนิคเกี่ยวกับรายงานข้อมูลในช่วงระยะเวลาเปลี่ยนผ่าน 3 ปีแรก การให้สามารถใช้ผู้ทวนสอบในไทย (local accredited verifiers) เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ และทางเลือกการลดหย่อนภาระในการซื้อใบรับรอง CBAM หากได้มีการดำเนินการลดก๊าซฯ ในประเทศแล้ว เป็นต้น
ทั้งนี้ กรม อบก. และ สอท. จะรวบรวมความเห็นและข้อเสนอแนะจากการสัมมนาครั้งนี้ ไปจัดทำแผนการทำงานต่อไป โดยเฉพาะการหารือกับอียู ซึ่งได้เตรียมส่งผู้เชี่ยวชาญมาให้ข้อมูลเรื่องนี้ และให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเตรียมความพร้อมของผู้ประกอบการไทยในช่วงปลายเดือนกันยายนนี้ เพื่อหาทางบรรเทาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับภาคเอกชนไทยให้ได้มากที่สุด
สำหรับผู้สนใจสามารถรับชมงานสัมมนาฯ ย้อนหลัง และร่วมแสดงความเห็นได้ที่ Facebook กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ
บทความยอดนิยม 10 อันดับ
- ยอดขายรถยนต์ใน 2566
- คาร์บอนเครดิต (Carbon Credit) คืออะไร ทำไมถึงต้องเร่งสร้างคาร์บอนเครดิต
- FTA ไทย มีกี่ประเทศ พอหรือไม่ ทำไมต้องคิดเรื่อง CPTPP
- 10 ตัวอย่างที่นำ 5G มาใช้งานได้อย่างน่าสนใจและประสบผลสำเร็จ
- อบรมรถยนต์ไฟฟ้า 2566 ฟรี
- เทคโนโลยีแห่ง G สู่ 5G เครือข่ายไร้สาย
- กฎหมาย ปล่องระบาย อากาศ 2565
- ยอดขายโทรศัพท์ 2023 ทั่วโลก
- GAC AION Thailand
- เปิดโผ 8 อุตสาหกรรมเด่นเติบโตสูงในปี 2566
อัปเดตข่าวทุกวันที่นี่ www.mreport.co.th
Line / Facebook / Twitter / YouTube @MreportTH