ไทยประเดิมประธานอาเซียนปี 62 จับมือประเทศสมาชิกดันศก.ดิจิทัลของอาเซียนสู่ 1 ใน 5 ของโลก
กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ จับมืออาเซียนเตรียมพร้อมสู่ยุคอุตสาหกรรม 4.0 เดินหน้าบูรณาการการค้าดิจิทัลของอาเซียน หวังดันภูมิภาคอาเซียนมีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่ติด 1 ใน 5 ของโลก มีมูลค่าทะลุ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2568
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยหลังเป็นประธานเปิดงานสัมมนาเปิดตัวการเป็นประธานอาเซียนของไทยว่า กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ ได้จับมือกับสำนักเลขาธิการอาเซียน จัดสัมมนาเรื่อง “การเตรียมความพร้อมอาเซียนรับ 4IR (การเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4)” เมื่อวันที่ 14 มกราคม 2562 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ เพื่อวางแนวทางสร้างความเข้าใจ และเตรียมการทุกภาคส่วนให้พร้อมกับเทคโนโลยีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว โดยมีผู้ทรงคุณวุฒิจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนของไทยและอาเซียน ตลอดจนผู้เชี่ยวชาญจากสำนักเลขาธิการอาเซียนร่วมขึ้นเวทีเสวนา ซึ่งถือเป็นงานใหญ่งานแรกนับแต่ประเทศไทยขึ้นเป็นประธานอาเซียนในปีนี้
ทั้งนี้ ทั่วโลกให้ความสำคัญกับการยกระดับโครงสร้างเศรษฐกิจสู่การเป็นเศรษฐกิจดิจิทัลในยุคอุตสาหกรรม 4.0 และเตรียมความพร้อมทางสังคมสู่การใช้นวัตกรรม ความคิดสร้างสรรค์ โดยใช้ประโยชน์จากการเชื่อมโยงเทคโนโลยีสารสนเทศ ซึ่งเป็นผลพวงจากการปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่ 4 ที่หุ่นยนต์ระบบอัตโนมัติมีเทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้นวัตกรรมชีวภาพในการจัดลำดับและปรับแต่งพันธุกรรมมีบทบาทอย่างมากในภาคอุตสาหกรรม ธุรกิจบริการ หลายประเทศจึงได้วางนโยบายรองรับอุตสาหกรรม 4.0 ซึ่งไทยเองก็ได้ประกาศนโยบายประเทศไทย 4.0 ที่ให้ความสำคัญกับการพัฒนาระดับความรู้ความสามารถด้านเทคโนโลยีของคนในประเทศ การสร้างวิสัยทัศน์ด้านเทคโนโลยีที่เหมาะสมของภาครัฐและการสนับสนุนการมีส่วนร่วมจากทุกภาคส่วนเพื่อสร้างการเติบโตอย่างมีส่วนร่วมและเท่าเทียมกัน
“จากการประเมินความพร้อมของกลุ่มประเทศสมาชิกอาเซียนในการรับมือจากการปฏิวัติอุตสาหกรรมดังกล่าว พบว่าประเทศสมาชิกอาเซียนมีความพร้อมในการรับมือกับ 4IR ในระดับที่แตกต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางดิจิทัลและนโยบายที่รองรับทิศทางเศรษฐกิจดิจิทัลในอนาคต จึงจำเป็นต้องเร่งส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัล เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไปข้างหน้าให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจและสังคมอย่างฉับพลันนี้ ซึ่งประเทศไทยในฐานะประธานอาเซียน จึงต้องการผลักดันประเด็นที่เกี่ยวข้องให้เกิดผลลัพธ์อย่างเป็นรูปธรรม ได้แก่ 1) การจัดทำแผนการดำเนินงานตามกรอบการบูรณาการด้านดิจิทัลของอาเซียน เพื่อสร้างความร่วมมือด้านดิจิทัลในภูมิภาคให้เกิดผลลัพธ์เป็นรูปธรรมโดยเร็ว 2) การจัดทำแผนงานด้านนวัตกรรมของอาเซียน เพื่อส่งเสริมการนำนวัตกรรมมาเป็นกลไกในการขับเคลื่อนและสร้างการพัฒนาในภูมิภาค 3) การจัดทำแนวทางการพัฒนาแรงงานมีทักษะและผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อรับมือกับ 4IR 4) การจัดทำแถลงการณ์ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมของอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 เพื่อแสดงเจตนารมณ์ในการเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมสำคัญของภูมิภาคอาเซียนไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 และ 5) การส่งเสริมการใช้ดิจิทัลสำหรับผู้ประกอบการรายย่อยอาเซียน โดยจัดทำแนวทางส่งเสริมให้ MSMEs เข้าสู่ระบบ และใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการเข้าสู่ตลาดต่างประเทศ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้อาเซียนเป็นภูมิภาคที่มีขนาดเศรษฐกิจดิจิทัลใหญ่ติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก และมีการเติบโตจาก 50,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปัจจุบันเป็น 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2568”
นายสนธิรัตน์กล่าวเพิ่มเติมว่า “งานสัมมนาในวันนี้จะมีการให้ความรู้เกี่ยวกับความพร้อมของอาเซียนต่อยุค 4IR เครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน งานในอนาคตของประชาชนอาเซียน นโยบายประเทศไทย 4.0 การสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันของอุตสาหกรรม และการลดความเสี่ยงทางไซเบอร์ เป็นต้น นอกจากนั้น ภายในงานยังได้จัดแสดงนิทรรศการจากภาครัฐในเรื่องการเป็นประธานอาเซียนของไทย ประเทศไทย 4.0 เมืองอัจฉริยะ และระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก รวมทั้งสินค้านวัตกรรมของผู้ประกอบการไทย อีกทั้ง กระทรวงพาณิชย์ยังได้นำเงาะและมังคุดจากผู้ประสบภัยจากพายุ ‘ปาบึก’ ในพื้นที่ภาคใต้ มาใช้ในการจัดเลี้ยงอาหารว่างในช่วงการประชุม ซึ่งถือเป็นมาตรการช่วยเหลือผู้ประสบภัยของกระทรวงฯ ด้วย”