เคลื่อนไหวแล้ว พาณิชย์ไทยเร่งปลดล็อคม. 232 ภาษีนำเข้าสินค้าเหล็กและอะลูมิเนียม
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2561 ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าภายใต้มาตรา 232 (National Security) กับสินค้าเหล็กและสินค้าอะลูมิเนียม ที่นำเข้าจากทั่วโลกในอัตราร้อยละ 25 และร้อยละ 10 ตามลำดับ โดยมาตรการดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 23 มีนาคม 2561 เป็นต้นไป กระทรวงพาณิชย์ได้ติดตามสถานการณ์ดังกล่าวอย่างใกล้ชิด โดยเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2561 กระทรวงพาณิชย์เชิญผู้แทนสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย ผู้แทนสถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทย ผู้ผลิตและผู้ส่งออกไทยที่เกี่ยวข้องเพื่อหารือผลกระทบและการดำเนินการแก้ไขปัญหาจากการใช้มาตรการดังกล่าว
ในส่วนของผลกระทบ พบว่าในระยะสั้น (1 – 3 เดือน) หลังจากมีการใช้มาตรการภายใต้มาตรา 232 การส่งออกสินค้าเหล็กของไทยจะยังไม่ได้รับผลกระทบมากนัก เนื่องจากราคาสินค้าเหล็กในสหรัฐฯ ได้ปรับตัวขึ้นประมาณร้อยละ 30 แล้ว ซึ่งถึงแม้ว่าสินค้าเหล็กของไทยจะถูกเรียกเก็บภาษีในอัตราที่กำหนด แต่ก็ยังคงสามารถแข่งขันด้านราคาในตลาดสหรัฐฯ ได้ ประกอบกับผู้ผลิตในสหรัฐฯ ยังอยู่ระหว่างการปรับตัวและไม่สามารถขายสินค้าในราคาต่ำในระยะเวลาอันรวดเร็ว ผู้นำเข้าสหรัฐฯ จึงยังคงมีความต้องการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศอยู่ อย่างไรก็ตาม ในระยะยาว คาดว่าอุตสาหกรรมเหล็กไทยจะได้รับผลกระทบ เนื่องจากผู้ผลิตของสหรัฐฯ จะสามารถปรับตัวและเพิ่มกำลังการผลิตให้สูงขึ้นจนสินค้ามีราคาที่แข็งขันได้ รวมทั้งผู้ผลิตเหล็กในแคนาดาและเม็กซิโกที่ได้รับการยกเว้นจากการใช้มาตรการ 232 จะได้เปรียบผู้ส่งออกประเทศอื่น ๆ รวมทั้งไทย และยังคงรักษาขีดความสามารถทางการแข่งขันของตนในตลาดสหรัฐฯ สำหรับผลิตภัณฑ์หลักของไทยที่จะได้รับผลกระทบ ได้แก่ สินค้าท่อเหล็ก และสินค้าเหล็กแผ่นรีดเย็น
นายสนธิรัตน์ฯ เปิดเผยอีกว่า ไทยจะดำเนินการเจรจากับกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เพื่อขอยกเว้นการใช้มาตรการ 232 เป็นรายพิกัดสินค้า โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ จะประกาศรายละเอียดหลักเกณฑ์และวิธีการ ในการดำเนินการขอยกเว้นเป็นรายพิกัด ภายในวันที่ 19 มีนาคม 2561 นี้ ซึ่งกระทรวงพาณิชย์ร่วมกับภาคเอกชนไทยจะได้ร่วมกันจัดเตรียมข้อมูล และหารือกับบริษัทที่เป็นคู่ค้าในสหรัฐฯ เพื่อยื่นขอยกเว้นมาตรการรายพิกัดสินค้าต่อกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ต่อไป
นอกจากนี้ ไทยยังสามารถใช้เวทีเจรจาในการประชุมคณะมนตรีภายใต้กรอบการค้าและการลงทุน (Trade and Investment Framework Agreement : TIFA) ไทย-สหรัฐฯ ซึ่งมีกำหนดจัดในเดือนเมษายนที่จะถึงนี้ เป็นเวทีหารือกับสหรัฐฯ เพื่อยกเว้นการใช้มาตรการ 232 กับไทย ซึ่งสหรัฐฯ เปิดช่องสำหรับประเทศที่มี Security Relationship ในการหารือเรื่องดังกล่าวอยู่แล้ว
ทั้งนี้ กระทรวงพาณิชย์จะได้ติดตามการใช้มาตรการ 232 อย่างใกล้ชิดและร่วมมือกับภาคเอกชนเพื่อดำเนินการปกป้องผลประโยชน์ของไทยต่อไป