“ประชารัฐ” ขับเคลื่อนศก. ปี”61 “ส่งออก-ท่องเที่ยวชุมชน-อีอีซี” หัวหอก

อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 2560
  • Share :
  • 351 Reads   

หลังคิกออฟนโยบายประชารัฐตั้งแต่ช่วงปลายปี 2558 ด้วยการรวมพลัง 3 ประสาน คือ ภาครัฐ เอกชน และภาคประชาสังคม ตามนโยบายรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ใช้ขับเคลื่อนประเทศตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ “ไทยแลนด์ 4.0” ก้าวข้ามกับดักรายได้ปานกลาง นำพาประเทศสู่ความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน โดยแต่งตั้งคณะทำงานภายใต้คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ 12 ชุด แบ่งเป็น

กลุ่มขับเคลื่อน 6 ทีม (6D) และกลุ่มสนับสนุน 6 ทีม (6E) ล่าสุด 14 ธ.ค. 2560 ที่ผ่านมา คณะทำงานประชารัฐทั้ง 12 ชุดแท็กทีมแถลงผลงาน และทิศทางดำเนินงานในปี 2561

 

ลดเหลื่อมล้ำ-เพิ่มขีดสามารถแข่งขัน

นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวหลังการเป็นประธานประชุมคณะทำงานประชารัฐ 12 คณะว่า แผนงานของคณะทำงานประชารัฐในปี 2561 จะเน้น 3 เรื่องสำคัญ 1.พัฒนาเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อก้าวสู่ไทยแลนด์ 4.0 2. ลดความเหลื่อมล้ำ โดยนำความรู้สู่ชุมชนท้องถิ่น ในเชิงปฏิบัติ ผลักดัน SMEs และภาคการเกษตรให้ได้ประโยชน์ 3.พัฒนาศักยภาพบุคคลรับอุตสาหกรรมใหม่ โดยจะเสนอรายงานต่อครม. ในเดือนมกราคม 2561

 

ไฮไลต์ value driver (6D)

ไฮไลต์ผลงานประชารัฐแต่ละชุด เริ่มจาก ชุด D1 : การยกระดับนวัตกรรม และ Digitalization ที่ ดร.อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เป็นหัวหน้าคณะ ร่วมกับ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ รมว.กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และนายกานต์ ตระกูลฮุน บมจ.ปูนซิเมนต์ไทย ผลงานโดดเด่นในเรื่องการจัดตั้งกองทุนร่วมวิจัย (R&D Consortium) และโครงการส่งเสริม SMEs และสตาร์ตอัพ

 

เพิ่มช่องทางตลาดหนุน SMEs

ชุด D2 : การส่งเสริม SMEs และผลิตภาพ ซึ่งมี ดร.อุตตม สาวนายน รมว.อุตสาหกรรม เป็นประธาน ร่วมกับ นายเจน นำชัยศิริ ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) และนายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการหอการค้าไทย และสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ชูผลงานด้านการส่งเสริมศักยภาพ SMEs ผ่านโครงการต่าง ๆ

นายเจน กล่าวว่า การช่วยเหลือ SMEs จะใช้เครือข่ายของสถาบันเพิ่มผลผลิตแห่งชาติ และเครือข่ายจากสถาบันไอเอสโอ ภายใต้กระทรวงอุตสาหกรรม ทำโครงการและกิจกรรมเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ตั้งเป้าหมายให้ SMEs 200 ราย มีมาตรฐานและผลิตภาพ และเกิดการพัฒนาต่อเนื่อง

 

ดันท่องเที่ยวหัวเมืองรอง

ด้านนายกลินท์ กล่าวว่า จะเน้นพัฒนาการท่องเที่ยวไปสู่ความสะดวก เชื่อมโยงการท่องเที่ยวระหว่างเมืองรอง สร้างมาตรฐานการท่องเที่ยว เพิ่มแรงงานรองรับภาคท่องเที่ยวให้มากขึ้น เนื่องจากแนวโน้มการท่องเที่ยวไทยมีการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมสร้างบทบาทภาพลักษณ์ที่ดีของตำรวจท่องเที่ยว ขณะเดียวกันจะเชื่อมโยงการทำงานกับคณะประชารัฐอื่น ๆ ด้วย

ส่วนผลงานชุด D3 : การส่งเสริมการท่องเที่ยว และ MICE สร้างผลงานในการเนรมิตอยุธยา และทัวร์ริมโขง ภายใต้โครงการ Big Rock การกระจายรายได้สู่ชุมชนผ่าน Amazing Thai Taste และ ภูเก็ต MICE Hub การยกระดับการท่องเที่ยวผ่านระบบ Digital Tourism การส่งเสริม Culture Economy

 

เชื่อมโยงอาเซียนดันส่งออกทะลุ 9.7%

ที่โดดเด่นที่สุด เห็นจะเป็น ชุด D4 : การส่งเสริมการค้าธุรกิจบริการและการลงทุนในต่างประเทศ ผลักดันการแก้ไขปัญหาการส่งออก สร้างเครือข่ายพี่จูงน้อง และดึงบิ๊กเอกชนมาเป็นที่ปรึกษาการส่งออกรายภูมิภาค(regional hub) ซึ่งช่วยให้การส่งออกในปี 2560 มีโอกาสขยายตัว 9.7% มูลค่า 235,000 ล้านเหรียญสหรัฐ สูงสุดในรอบ 3 ปี และการลงทุนในต่างประเทศขยายตัว 19% มูลค่า 16,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการและกรรมการผู้จัดการ บมจ.ศรีไทยซุปเปอร์แวร์ ในฐานะหัวหน้าคณะ D4 กล่าวว่า ปี 2561 จะมุ่งสร้างตลาดโดยเฉพาะ CLMVT ให้เหมือนเป็นตลาดเดียวกัน ส่งเสริม และแก้ไขปัญหาอุปสรรคการส่งออก เพื่อผลักดันให้ส่งออกปี 2561 ขยายตัว 5-6%

 

ส่งเสริมลงทุน EEC ทะลุ 3 แสน ล.

ชุด D5 : การพัฒนาคลัสเตอร์ภาคอุตสาหกรรมที่เป็น New S-curve ชูเรื่องการพัฒนาซูเปอร์คลัสเตอร์ปิโตรเคมี ซึ่งมีมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนผ่าน BOI ปี 2559 ทะลุ 3 แสนล้านบาท ในระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจกว่า 3 แสนล้านบาท และชุด D6 : การพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ มีผลงานโดดเด่นในการสนับสนุนโครงการแปลงใหญ่ 2,819 แปลงทั่วประเทศ เป็นต้น

ขณะที่กลุ่มสนับสนุน E1-E6 อาทิ กลุ่ม E5 การศึกษาพื้นฐานและการพัฒนาผู้นำ ที่ รมว.ศึกษาธิการ นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ กับนายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกลุ่มซีพี เป็นประธาน มีผลงานขับเคลื่อนโครงการคอนเน็กต์-อีดี ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้นักเรียนเข้าถึงไอซีทีและสื่อมัลติมีเดีย 3.9 หมื่นห้องเรียนอัจฉริยะ เป็นต้น

 

ยกระดับเกษตร-สร้างอาชีพคนพิการ

นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานประชารัฐเพื่อสังคม (E6) กล่าวว่า ปี 2561 ตั้งเป้าหมายส่งเสริมอาชีพคนพิการให้ได้ 5.5 หมื่นราย ตามการส่งเสริมอาชีพภาครัฐและรัฐวิสาหกิจ 1.2 หมื่นราย กำหนดอัตรารายได้ 1.9 แสนบาท/คน/ปี

ส่วนการยกระดับภาคเกษตร เน้นส่งเสริมเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยใช้ตลาดเป็นตัวนำ สร้างนวัตกรรมเพิ่มมูลค่าเพิ่ม เพื่อเพิ่มขีดความสามารถสู่ “smart farmer”

 

หากถามว่าประเมินผลงานประชารัฐอย่างไร นายอิสระสรุปว่า ปีที่ผ่านมาและปีนี้จะเป็นโมเดลต้นแบบ แต่ต่อจากนี้จะเริ่มเห็นภาพชัด ถึงประสิทธิผลของ “ประชารัฐ”