กสอ.แจงผลประเมินศักยภาพอุตสาหกรรมด้วยหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ
การชี้แจงผลการประเมินศักยภาพอุตสาหกรรมภาคการผลิต การค้า และบริการ ภายใต้โครงการยกระดับผลิตภาพสถานประกอบการด้วยเทคโนโลยีหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติตามที่กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม ร่วมกับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยได้ดำเนินการสำรวจศักยภาพ ผู้ประกอบการภาคการผลิต การค้า และบริการตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2561 จำนวน 1,500 กิจการ โดยใช้เครื่องมือ Self-Assessment ที่มีการวัดผลออกมาเป็นระดับ 1.0 - 4.0 ใน 6 มิติสำคัญได้แก่ มิติที่ 1 Smart Operation มิติที่ 2 Strategy & Orgnaization มิติที่ 3 Workforce มิติที่ 4 Technology & Innovation มิติที่ 5 Market Customer & Standard และมิติที่ 6 IT & Data Transaction จากผลการประเมิน พบว่าศักยภาพของผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรมในภาพรวมของปี 2561 อยู่ในระดับ 2.0 ในเกือบทุกมิติ อย่างไรก็ดี เมื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลการสำรวจในช่วงปี 2559-2560 พบว่ามีการปรับตัวในทิศทางที่เข้มแข็งเพิ่มขึ้น ดังนี้
- สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 1.0 หรือระดับขั้นพื้นฐาน ปรับตัวลดลงจากร้อยละ 11 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 9 ในปี 2561
- สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 2.0 หรือระดับทั่วไปนั้น ปรับตัวลดลงจากร้อยละ 74 ในปี 2559 เป็นร้อยละ 61 ในปี 2561
- สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 3.0 หรือระดับที่มีความเข้มแข็งมีสัดส่วน เพิ่มสูงขึ้นเกือบ 2 เท่า จากเดิมร้อยละ 15 ในปี 2559เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 28 ในปี 2561
- สัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมในระดับ 4.0 หรือระดับที่มีความเข้มแข็งมากสามารถก้าว สู่ระดับสากลได้ ก็มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญเป็นร้อยละ 2 ต่างจากปีก่อนหน้าที่ยังไม่มีภาคธุรกิจใดอยู่ในระดับนี้
การปรับตัวของภาคอุตสาหกรรมที่มีแนวโน้มไปในทิศทางที่เข้มแข็งนั้นเป็นผลมาจากนโยบายอุตสาหกรรม4.0 ของภาครัฐที่มุ่งส่งเสริมพัฒนาให้วิสาหกิจ ปรับเปลี่ยนกระบวนการดำเนินธุรกิจโดยใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล หุ่นยนต์ เครื่องจักรกลและระบบอัตโนมัติผลการสำรวจยังได้ระบุว่าภาคอุตสาหกรรมเริ่มมีการนำเทคโนโลยีระบบอัตโนมัติมาใช้ในหลายจุดของกระบวนการแต่ยังขาดการเชื่อมโยงข้อมูลตลอด Supply Chain ผ่านระบบ IT ซึ่งกระทรวงอุตสาหกรรมก็ได้เตรียมชุดมาตรการทั้งทางการเงินและที่มิใช่ทางการเงินร่วมกับองค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน สถาบัน การศึกษา แลtสถาบันการเงินต่าง ๆเร่งส่งเสริมให้สถานประกอบการพัฒนาสู่อุตสาหกรรม 4.0 เต็ม รูปแบบโดยคาดว่าจะทำให้สถานประกอบการ มีผลิตภาพเพิ่มขึ้นหรือลดต้นทุนให้ได้มากกว่าร้อยละ 30
สำหรับมาตรการที่ไม่ใช่การเงินนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ร่วมกับเครือข่าย Big Brother จะให้บริการผ่านศูนย์ปฏิรูปอุตสาหกรรม 4.0 หรือ Industrial Transformation Center (ITC) ที่มีอยู่ทั่วประเทศในการให้ความรู้ คำปรึกษาแนะนำ การถ่ายทอดเทคโนโลยี การสาธิตกระบวนการผลิต ที่ใช้หุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติและการรับรองมาตรฐาน นอกจากนี้กระทรวงอุตสาหกรรมโดยกรมส่งเสริมอุตสาหกรรมยังได้ลงนามความร่วมมือกับสถาบันการเงินและองค์กรต่างประเทศต่าง ๆ อาทิ ธนาคารกรุงไทย ธนาคารกสิกรไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ อาลีบาบาจากจีนและSMRJจากญี่ปุ่น ในการสนับสนุน SMEs ให้เข้าสู่ Digital Marketing ทั้งในรูปแบบ B2B และ B2C รวมถึงผลักดันให้ SMEs เข้าสู่แพลทฟอร์ม T-GoodTech เพื่อเชื่อมโยงกับตลาดโลกอีกด้วย ส่วนมาตรการทางการเงินนั้น กระทรวงอุตสาหกรรม ได้ร่วมกับ SME Bank
ในการปล่อยสินเชื่อ Transformation Loan สูงสุดรายละ 15 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยร้อยละ 4 แก่สถานประกอบการที่ประสงค์จะปรับเปลี่ยนเครื่องจักรอุปกรณ์ไปสู่ระบบ 4.0 กระทรวงอุตสาหกรรม และสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยเห็นว่าหัวข้อที่ใช้ในการประเมินศักยภาพอุตสาหกรรมยังต้องปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อให้มีความเหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากขึ้นสามารถสะท้อนถึงระดับพัฒนาการของภาคอุตสาหกรรมไทยได้อย่างแม่นยำและเพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลดังกล่าวในการกำหนดนโยบายและมาตรการส่งเสริมสนับสนุนต่อไป ทั้งนี้ การจะขับเคลื่อน SMEs ทั่วประเทศไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 นั้น อาจต้องใช้เวลาแต่ด้วยการบูรณาการความร่วมมือของทุกภาคส่วน ทั้งหน่วยงานรัฐ เอกชน สถาบันการศึกษา
และสถาบันการเงินอย่างเข้มข้นในขณะนี้ เชื่อว่า SMEs ไทยจะปรับตัวให้สามารถแข่งขันในตลาดโลกได้อย่างแน่นอน
สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.)ระบุว่าผลการประเมินครั้งนี้มีประโยชน์ต่อ ส.อ.ท. อย่างยิ่งเพราะทำให้รู้สถานะปัจจุบันของอุตสาหกรรมไทย เพื่อนำไปใช้วางแนวนโยบายสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมให้เกิดการพัฒนาและยกระดับศักยภาพการผลิตและเพิ่มขีดความสามารถภาคอุตสาหกรรมได้อย่างตรงจุดมากขึ้น ทั้งนี้สอท.พร้อมเดินหน้าแผนการขับเคลื่อนนโยบาย Industry Transformation ที่มีหลากหลายโครงการรองรับอยู่ และบางโครงการที่มีการดำเนินงานอยู่แล้ว